การออมเงินเป็นเรื่องที่ทุกคนนั้นควรใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ หากไม่มีการจัดการกับรายได้ของตัวเองแล้วละก็รับรองว่า เงินที่หามาได้ในแต่ละเดือนนั้น ไม่พอใช้และไม่เหลือเก็บอย่างแน่นอน ดังนั้น มนุษย์เงินเดือนแต่ละคนนั้น ต้องมีการบริหารเงินเพื่อให้มีเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งหลักในการ ออมเงิน สำหรับมนุษย์เงินเดือน นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่อาศัยหลักในการออมเงิน 4 ข้อง่าย ๆ ที่มนุษย์เงินเดือนทุกคนนั้นสามารถทำได้ไม่ยุ่งยาก
1.เก็บออมก่อนเหลือเท่าไหร่ค่อยใช้
เป็นหลักการออมเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือนง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ไม่ยุ่งยาก ขั้นตอนง่าย ๆ คือ เมื่อถึงสิ้นเดือนมีเงินเข้าในบัญชี ให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งนั้นไว้เป็นเงินออม และส่วนที่เหลือนั้นค่อยนำมาแบ่งเป็นรายจ่ายอื่น ๆ ทั้งรายจ่ายที่จำเป็น รายจ่ายส่วนตัว แบ่งให้พ่อแม่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน ค่าโทรศัพท์ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพราะแต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกัน แต่ในหลักความเป็นจริงแล้ว เชื่อว่าหลายคนยังชอบที่จะใช้ก่อนเหลือเท่าไร ค่อยออมกันใช่ไหมค่ะ หากคุณกำลังเป็นเช่นนี้อยู่ ควรเปลี่ยนวิธีการจัดการกับระบบการเงินของคุณนั้นโดยด่วนนะคะ ควรเปลี่ยนจากการแบ่งเงินใช้ก่อนเป็นการแบ่งเงิน เพื่อออมก่อนเป็นอันดับแรก อาทิเช่น หากคุณมีการวางแผนที่จะออมเงินในแต่ละเดือนนั้น 20% ของเงินเดือน ควรจะหัก 20% ตรงนั้นเลยหากมีรายได้เข้ามา ที่เหลือก็ค่อยนำไปใช้จ่ายในส่วนอื่น การทำเช่นนี้จะทำให้คุณนั้นมีเงินออมเพื่อใช้จ่ายในอนาคตเมื่อเริ่มไม่มีแรงทำงาน หรือเมื่อเกษียณอายุแล้ว
2. แบ่งบัญชีเงินออมเป็น สั้น กลาง ยาว
เมื่อแบ่งเงินออมเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดบัญชีเพื่อออมเงินทั้งแบบระยะสั้น กลาง ยาว ทั้งนี้เพื่อเป็นการจัดระเบียบในการใช้เงินในบัญชี ซึ่งบัญชีแต่ละบัญชีนั้นก็จะมีความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป
- สำหรับบัญชีระยะสั้นนั้น จะเป็นการแบ่งเงินออมเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สามารถฝากถอนได้ตลอดเวลา
- แต่สำหรับบัญชีระยะกลาง คือ เปิดเพื่อออมเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นหรือเป็นการออมเพื่ออนาคตข้างหน้า อยากจะมีบ้าน รถ และอาจจะใส่เงินในบัญชีออมระยะกลางนั้นมากกว่าออมแบบระยะสั้นนั่นเอง
- ส่วนการออมเงินระยะยาวนั้น เป็นการวางแผนในการออมเงินว่าอีก 30-40 ข้างหน้า เราอาจจะไม่มีแรงทำงาน ดังนั้น จึงเป็นการเพื่อวัยเกษียณหรือยามที่แก่ชราเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน จะได้มีเงินใช้จ่ายได้อย่างสบาย
นอกจากนี้หากจะเปิดบัญชีออมเงินทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวนั้น แนะนำให้เปิดเป็นบัญชีของธนาคารเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมในการโอนเงินและสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก หากจำเป็นที่จะต้องไปติดต่อทำธุรกรรมกับทางธนาคาร
3. ทำบัญชีฉุกเฉิน
บัญชีสำหรับไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเป็นบัญชีที่ถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นมาก เพราะอนาคตข้างหน้าเราไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากวันหนึ่งเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นมาและทำให้บริษัทจำเป็นที่จะต้องจ้างพนักงานออก เพื่อเป็นการลดต้นทุน ถ้าหากหนึ่งในนั้นเป็นเรา การเปิดบัญชีออมทรัพย์เพื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉินนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมาก เพราะเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ จะได้มีเงินสำรองไว้ใช้จ่าย โดยที่ไม่ต้องไปกู้เงินมาใช้ เมื่อจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ ค่อยถอนออกมาใช้ ดังนั้น บัญชีที่ไว้สำหรับในการใช้ยามฉุกเฉิน ควรมีวินัยในตัวเองด้วย นั่นคือ ไม่ควรถอนเงินจากบัญชีนี้มาใช้อย่างเด็ดขาด จนกว่าจะเจอปัญหาหรือวิกฤตจริง ๆ จึงสามารถนำมาใช้ได้ และสิ่งที่เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนนั้น หวาดกลัวกันคือ การตกงาน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ก็ตามแต่ ถึงแม้ในกรณที่ตกงานจะมีเงินจากประกันสังคมช่วยเหลืออยู่ แต่คงไม่เพียงพอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่มากมาย ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะมีเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินนั่นเอง
วันนี้ เรานำเทคนิคในการเก็บเงินในบัญชีฉุกเฉินมาฝากเพื่อนๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการออมเงินของท่านได้ โดยขั้นตอนนั้นต้องศึกษาและอ่านรายละเอียดให้เข้าใจกัน เพื่อจะได้จัดการกับการบริหารเงินของคุณนั้นได้อย่างลงตัวที่สุด
โดยเริ่มจากการคำนวณ ค่าใช่จ่ายในแต่ละเดือนว่าต้องจ่ายอะไรบ้าง อาทิเช่น ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าเช่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายของลูกเมื่อเราได้รายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเรียบร้อยแล้ว ให้นำรายจ่ายทั้งหมดมาคูณด้วยจำนวนเดือน
ยกตัวอย่างเช่น 9,000 x 6 = 54,000 บาท เมื่อคำนวณเสร็จแล้วคือ บัญชีฉุกเฉินนี้ต้องมีเงินเก็บให้มากกว่า 54,000 บาท หมายความว่า ในกรณีที่ตกงานและยังไม่สามารถหางานใหม่ได้ คุณจะต้องมีเงินในบัญชีฉุกเฉิน เพียงพอกับช่วงเวลาที่ตกงาน เมื่อเราออมเงินไว้ในบัญชีฉุกเฉินของเราได้แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นนั้น เราจะไม่ต้องกังวลและเครียดกับค่าใช้จ่ายที่เราต้องหามา ให้ท่องเอาไว้ว่าไม่ฉุกเฉินจริง ๆ หากใครที่รู้ตัวเองว่า จะไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ถอนเงินโดยการกดจากบัตรเอทีเอ็มนั้น แนะนำว่าเมื่อเปิดบัญชีฉุกเฉินไม่ควรทำบัตรเอทีเอ็มค่ะ
4. ลงทุน
ต่อมาเมื่อเรามีเงินออม เราไม่ควรปล่อยให้เงินนั้นอยู่ในบัญชีเฉยๆ ควรคิดหาวิธีที่จะทำให้เงินออมงอกเงยเพิ่มดอกออกผลอาจจะนำเงินนั้นไปลงทุนหุ้น หรือลงทุนนกองทุนรวม เป็นต้น แต่จงพึงจำไว้เสมอว่า การลงทุนทุกรูปแบบมีข้อดี ข้อเสียในตัวเสมอ เราควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนค่ะ