ครม.ไฟเขียว เปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ อยู่ไทยยาว 9 เดือน ต้องกักตัว 14 วันก่อนท่องเที่ยว ตั้งเป้าสร้างรายได้ 1,200 ล้านบาท/เดือน
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2563 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการ แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้คนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติ ดังนี้คือ
1.เป็นบุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาว (Long Stay) ภายในประเทศไทย
2.ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน (ALSQ)
3.มีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก (AHQ) ภายในประเทศไทย และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก ที่จะใช้เป็นที่พักหลังจากออกจากโรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว หรือโรงพยาบาลที่พัก ตามระยะเวลาที่ ประสงค์จะพำนักระยะยาว ภายในประเทศไทย
- หรือ หลักฐานสำเนาโฉนดห้องชุดของที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลต่างด้าวหรือบุคคลในครอบครัวของบุคคลต่างด้าว
- หลักฐานการเช่าที่พักประเภทคอนโดมิเนียมหรือบ้านพัก
- หลักฐานการชำระเงินดาวน์ของบุคคลต่างด้าวในการซื้อหรือเช่าที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่บุคคลต่างด้าวสามารถซื้อได้ตามกฎหมาย
ทั้งนี้บุคคลต่างด้าวตามเกณฑ์ข้างต้น และผ่านการดำเนินการตามการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด มีสิทธิขอรับการตรวจ ลงตราประเภทนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ Special Tourist Visa (STV) โดยเสียค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ครั้งละ 2,000 บาทได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 90 วัน ภายหลังจากที่ครบกำหนดเวลาอนุญาต 90 วันแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 90 วัน โดยคนต่างด้าวต้องยื่นคำขอตามแบบ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
สำหรับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษนี้ เพื่อต้องการนำนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไป ไม่สามารถเดินทางได้ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว แต่เนื่องจากประเทศไทย สามารถบริหารจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จนได้รับการจัดอันดับประเทศที่มีความปลอดภัยเป็นอันดับ 1 ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้คนต่างด้าวที่เรียกว่ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีศักยภาพจากทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการเดินทางเข้ามาพร้อมครอบครัวเพื่อมาพำนักระยะยาว (Long Stay) ภายในประเทศไทย
ทั้งนี้ในระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศไทย นำเงินตราเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านบาท เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภายในประเทศขาดรายได้และได้รับผลกระทบในทุกภาคส่วน รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาพำนักระยะยาว (Long Stay) ภายในประเทศไทย ในพื้นที่ปิดที่สามารถ ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ เดินทางเข้ามาประเทศไทยได้สัปดาห์ละ 100-300 คน หรือไม่เกินเดือนละ 1,200 คน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 1,200 ล้านบาท/เดือน
ขอบคุณคลิปจากเว็บไซต์ประชาชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ ได้มีการหารือแนวทางการออกวีซ่านักท่องเที่ยวแบบใหม่ดังกล่าว แต่ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) อีกครั้งหนึ่งเพราะต้องนำไปรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ก่อน แต่สิ่งสำคัญเมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ก็ต้องเข้ากักตัวใน State Quarantine ทุกคน