โลกในยุคปัจจุบัน บางคนก็ว่ายุ่งยากซับซ้อน คู่แข่งเยอะ ทำมาหากินลำบากมาก ในขณะที่อีกคนหนึ่งมองว่าโลกยุคปัจจุบัน คนเยอะขึ้น อะไรๆก็เจริญขึ้น และเต็มไปด้วยโอกาส เหมือนคำโบราณท่านว่าไว้ สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งเห็นโคลนตม คนหนึ่งเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเห็นอะไรเป็นโอกาสมากกว่ากัน การที่โลกและสังคมมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป ใครที่ทำการค้าอยู่ก่อนแล้ว อาจรู้สึกว่า คนเยอะขึ้น ขายดีขึ้น ส่วนคนที่เพิ่งเริ่มต้น ยังไม่มีฐานลูกค้า ก็จะเจอปัญหาและบ่นกับตัวเองว่า ร้านค้าผุดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด คู่แข่งเยอะ ขายไม่ดีเลย การค้าขายไม่ดี ไม่ได้มีต้นเหตุมาจากคู่แข่งเยอะเต็มไปหมดเพียงอย่างเดียว เช่นกันกับคนที่ขายดี การค้ารุ่งเรืองก็ไม่ใช่เพียงร้านของตัวเองเปิดก่อน ค้าขายมานานกว่า การจะประสบความสำเร็จในการค้าขายยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมาก บทความนี้มีเทคนิคการค้าเล็กๆน้อยๆมากฝาก เทคนิคที่ว่านี้ก็คือ อย่าบังคับให้ม้ากินน้ำ ต้องทำให้มันหิวน้ำ
หากอยากให้ม้าเดินไปที่สระน้ำ วิธีการก็คือ ต้องทำให้มันกระหายน้ำ ถ้าเราทำให้ม้ากระหายน้ำได้ ม้าจะเดินไปที่ริมสระน้ำเองอย่างง่ายดาย แต่ถ้าม้าไม่กระหายน้ำ แม้จะฉุดกระชากลากจูง เคี่ยวเข็ญยังไง ม้าก็จะไม่ไป
เรื่องเล่าคำคมนี้สอนให้รู้ว่า ในการทำการค้า การสนองความต้องการของลูกค้า คือเทคนิควิธีที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายการขายที่มีประสิทธิภาพที่สุด ดูตัวอย่างม้านั่นสิ ม้าเป็นสัตว์ก็จริง แต่มันก็เลือกที่จะเดินตามความต้องการ หรือสิ่งจูงใจของมัน สำหรับคนที่มีอิสระในการเลือกและมีกิจกรรมที่หลากหลายมากกว่า ย่อมอยากได้และอยากทำอะไรตามความต้องการของตัวเอง คนเราไม่ชอบถูกบังคับหรือยัดเยียด คนส่วนใหญ่ชอบซื้อ แต่ไม่มีอยากเจอคนที่เอาแต่ตื้อ หรือยื้อที่จะขายของให้ ประมาณว่า ถ้าอยากได้อะไร ฉันจะไปหาซื้อเอง ไม่ต้องมานำเสนอในสิ่งที่ฉันไม่อยากได้หรือฉันไม่ต้องการ เสียเวลา เสียความรู้สึก และอาจถึงขั้นเสียเพื่อน สูญเสียความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรไปเลยก็ได้
มีนิทานอยู่เรื่อง เตือนใจเรื่องการบังคับฝืนใจได้ดีมาก เรื่องมีอยู่ว่า ลมเหนือกับดวงอาทิตย์ชอบทะเลาะมีปากเสียงกันเป็นประจำ ถ้าเจอกันเมื่อไหร่ เป็นต้องโต้เถียงกันว่าใครเจ๋งกว่ากัน
วันหนึ่งเมื่อทั้งสองมาพบกันอีก ลมเหนือได้พูดยั่วขึ้นมาว่า “อาทิตย์เอ๋ย เจ้าคงคิดตกแล้วใช่ไหม ยอมแพ้ข้าเสียเถอะ”
ดวงอาทิตย์ก็เถียงกลับไปว่า “มันน่าตลกนัก ข้าว่า เจ้านั่นแหละที่สู้ข้าไม่ได้”
ลมเหนือจึงถามย้ำว่า “แกไม่ยอมแพ้แน่ๆใช่ไหม?”
ดวงอาทิตย์สวนกลับไปว่า “คนที่ควรจะยอมแพ้คือเจ้านะแหละ ไม่ใช่ข้า”
ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่ มีคนเดินมาพอดี ทั้งสองจึงตกลงกันว่า ถ้าใครสามารถทำให้คนถอดเสื้อได้ ผู้นั้นจะเป็นฝ่ายชนะ
ลมเหนือได้ใช้วิธีพัดเอาความหนาวเย็นไปยังคนคนนั้น แต่ยิ่งพัดแรง คนก็ยิ่งไม่ยอมถอดเสื้อ กลับกระชับเสื้อให้แน่นยิ่งขึ้น เพื่อกันหนาว
ส่วนดวงอาทิตย์ นั้นค่อยๆแผ่ความร้อน หวังให้คนคนนั้นร้อนอบอ้าว แล้วจะถอดเสื้ออกมา
สุดท้ายคนได้ถอดเสื้อออกมา เพราะต้องการระบายความร้อน ดวงอาทิตย์จึงเป็นผู้ชนะ ส่วนลมใช้วิธีบังคับ ไม่สามารถทำตามความต้องการของคนได้
นิทานเรื่องนี้ให้บทเรียนสำหรับนักขาย หรือคนทำการค้า ว่าหากอยากขายได้ ขายดี ต้องหาวิธีขายที่ลูกค้าไม่รูสึกถูกยัดเยียดหรือถูกบังคับ โลกยุคปัจจุบันมองไปทางไหน ก็มีคนจับจอง หรือทำอะไรซ้ำกันไปหมด คงไม่มีที่ว่างสำหรับคนมีหลัง แต่ใช่ว่าจะหมดหนทาง ลองคิดดูดีๆว่า นอกจากการสินค้าที่มีมากมายเต็มท้องตลาดซ้ำๆกันแล้ว ยังมีสินค้าหรือบริการอะไรที่คนยังต้องการ แต่ไม่มีใครตอบสนอง ต้องจับธุรกิจนั้นมาทำ ธุรกิจและบริการสมัยนี้ ไม่ใช่ยุคของการหาสินค้ามาขาย แต่เป็นเรื่องการขายหรือการตอบสนองความต้องการของคนอื่น ถ้าเราค้นพบได้ว่าความต้องการนั้นคืออะไร ก็ลุยได้เลย และคิดเสมอว่า ไม่มีใครอยากโดนบังคับฝืนใจ ถ้าอยากให้คนมาซื้อสินค้าและใช้บริการของเรา ให้จำคำคมเรื่องม้าไปใช้ที่ว่า อย่าบังคับให้ม้ากินน้ำ ต้องทำให้ม้าหิวน้ำสิ จึงสัมฤทธิ์ผล