ความโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสียนับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตอันเป็นการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปนั้น ย่อมทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ทุกคนควรทำคือการดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้พร้อมรับกับเหตุการณ์อันก่อให้เกิดความเศร้าเสียใจ สำหรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพจิตจากกรมสุขภาพจิตมีดังต่อไปนี้
ประชาชนชาวไทยทั่วไป
1.ไม่ควรเก็บกดความรู้สึกไว้
เนื่องจากการสูญเสียทำให้เกิดความเศร้าเสียใจ สิ่งที่เกิดขึ้นจากความเสียใจล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการทางธรรมชาติ และคุณไม่ควรเก็บกดความรู้สึกไว้ หากต้องการร้องไห้ให้ร้องไห้ออกจนหมด เมื่อร้องไห้แล้วความรู้สึกโศกเศร้า หนักอึ้ง หมดแรงหมดพลังจะผ่อนคลายไปได้มาก
2.ควรอยู่ในอาการที่สงบ
เนื่องจากว่าความเสียใจอาจจะนำมาซึ่งการขาดสติหรือทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำ ได้แก่ การดำรงตนอยู่ในอาการที่สงบ เศร้าเสียใจอย่างสำรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ไม่ควรร้องไห้ฟูมฟายมากเกินไปจนขาดสติเพื่อไม่ให้ตนเองเกิดความตึงเครียดมากจนเกินไป
3.ดำรงตนอยู่ในหลักศาสนา
ในห้วงยามแห่งการสูญเสียนี้ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าการใช้ศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจ คุณควรใช้หลักของธรรมะเข้าข่ม โดยคิดในแง่ศาสนาว่าการเกิดแก่ เจ็บตายเป็นกฎทางธรรมชาติที่เราทุกคนล้วนต้องประสบพบเจอ ไม่มีผู้ใดที่สามารถก้าวข้ามผ่านกฎเกณฑ์นี้ไปได้ สิ่งที่ทำได้คือการทำบุญ สวดมนต์ตามหลักศาสนาของคุณเพื่อให้ผลบุญที่มีส่งไปถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
4.ใช้เวลากับคนใกล้ชิด
สำหรับสิ่งที่ควรทำมากที่สุดยามเกิดความโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสียนั้น คือ การอยู่กับคนที่เข้าใจในตัวของคุณมากที่สุด เนื่องจากการอยู่กับคนใกล้ชิดนั้นจะทำให้ความโศกเศร้าคลายลงไปได้มาก คนที่เข้าไปใกล้ชิดจะช่วยปลอบโยนให้ความรู้สึกสูญเสียลดลงไป
5.ระบายความรู้สึก
การระบายความรู้สึกเศร้าเสียใจถึงสภาพจิตใจที่เป็นอยู่จะทำให้คุณลดความเสียใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการระบายความเศร้าด้วยคำพูดกับคนใกล้ตัว หรือการโพสต์แสดงความเศร้าเสียใจลงในสื่อโซเชียลเน็ทเวิร์กนั้นนับเป็นสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจได้ทั้งสิ้น
6.ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ในสภาวะเช่นนี้ทุกคนต่างมีความเศร้าเสียใจไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุด ได้แก่ การเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีการให้กำลังใจต่อกัน สถานการณ์นี้อาจจะพบเจอเมื่อคุณอยู่ในที่สาธารณะ เช่น การไปเข้าเฝ้าขบวนพระบรมศพหรือการเดินทางไปเพื่อรวมใจกันไว้อาลัย เป็นต้น หากพบเจอผู้ที่กำลังเศร้าเสียใจหรือร้องไห้ให้พยายามปลอบใจซึ่งกันและกัน
7.ทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศล
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศคือการทำบุญเพื่อถวายในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากผลบุญจะส่งไปยังพระองค์ท่านแล้ว ผู้ที่ทำบุญยังรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เปรียบเสมือนกับการเสริมกำลังใจให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
8.ทำกิจวัตรตามเดิม
หน้าที่คือสิ่งสำคัญ นี่คือพระราชดำรัสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้มอบให้ไว้ เพราะฉะนั้นหากต้องการน้อมนำคำสอนของพ่อหลวงมาใช้จึงควรทำกิจวัตรไปตามเดิม หากคุณมีหน้าที่ใด ๆ อยู่ควรรับผิดชอบหน้าที่นั้นให้สำเร็จ หน้าที่และภาระการงานจะทำให้คลายความโศกเศร้าไปได้มาก
9.พยายามคิดในเรื่องอื่น ๆ ด้วย
สิ่งสำคัญคือการก้าวเดินต่อไป แม้จิตใจจะอยู่ในสภาวะสูญเสีย คุณควรจัดการภาระหน้าที่ของตนเองและคิดเรื่องอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยกัน เพราะหากว่าคุณคิดเพียงเรื่องเดียวอาจทำให้สภาพจิตใจเสียสมดุลได้
10.งดเสพสื่อหากมีอาการเพิ่มมากขึ้น
ในกรณีที่ผู้เสพสื่อมากเกินไปรู้สึกหดหู่จิตใจและจมดิ่งอยู่กับความทุกข์ สิ่งที่สำคัญที่สุด ได้แก่ การงดเสพข่าวสารทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นสื่อวิทยุ โทรทัศน์ โซเชียลเน็ทเวิร์กหรือสื่อต่าง ๆ อันอาจจะนำพาความหดหู่ยากยับยั้งมาให้ ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าภาพที่ปรากฏในสื่ออาจเป็นตัวกระตุ้นความเศร้าได้
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเป็นผู้ที่มีสภาพจิตใจโน้มเอียงไปทางความเศร้าเสียใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
1.ปรึกษาแพทย์ที่รักษาอยู่
สิ่งที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรทำคือการปรึกษาจิตแพทย์ที่รักษาอยู่ด้วย พร้อมทั้งปรึกษาอาการที่เกิดขึ้น บอกเล่าสภาพความคิดและจิตใจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจิตแพทย์จะทำการวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าควรให้ยาร่วมในการเยียวยาจิตใจหรือไม่
2.ญาติควรดูแลอย่างใกล้ชิด
ญาติและคนใกล้ชิดควรเอาใจใส่ความรู้สึกของผู้ป่วยเป็นพิเศษและควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ป่วยรับรู้ข่าวสารของความเศร้าโศกมากเกินไป
สิ่งที่บุคคลทั่วไปควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยาหากมีอาการ
1.เสียใจจนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเป็นเวลานาน
หากว่าบุคคลที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามีอาการเศร้าเสียใจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีความรู้สึกต้องการทำร้ายตนเอง หวาดกลัวสิ่งต่าง ๆ อย่างไร้เหตุผล รวมไปถึงได้ยินเสียงจากมโนคติที่สร้างขึ้นเอง มีอาการประสาทหลอน สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่าควรพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
2.มีอาการชักเกร็ง
หากมีอาการชักเกร็งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ย่อมเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจากความเศร้าโศกมากเกินไป ควรพาตนเองออกจากสถานการณ์นั้นและรีบพบแพทย์
สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือ การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ปลอบโยนซึ่งกันและกัน พยายามปล่อยวางและละอคติเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและเปรียบเสมือนการนำคำสอนของพ่อหลวงในเรื่องความสามัคคีมาปฏิบัติอย่างแท้จริง