ไปรษณีย์ไทย ถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐอีกแห่งหนึ่ง ที่แต่เดิมนั้นดูจะล้าสมัยไม่ทันโลกเท่าที่ควร แต่หลังจากการปรับปรุงองค์กรครั้งใหญ่ไป ทำให้ไปรษณีย์ไทยเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปมาก มีการจัดกิจกรรมเพื่อหารายได้เข้าองค์กรอย่างสม่ำเสมอ อย่างเช่น การส่งไปรษณียบัตรชิงโชคตามเทศกาลฟุตบอล เป็นต้น นอกจากนั้นได้พัฒนาจากที่รับส่งจดหมายมาเป็นเคาเตอร์เซอร์วิสจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟด้วย และตอนนี้ทางไปรษณีย์ไทยก็กำลังจะขยับตัวอีกครั้งหนึ่ง
ไปรษณีย์ไทย แตกไลน์ขายประกัน
ถือว่าเป็นความพยายามครั้งสำคัญอีกครั้งของไปรษณีย์ไทย ที่นอกจากจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขนส่งสินค้าเนื่องจากตลาดค้าขายออนไลน์เติบโตแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังมีความคิดที่ผันตัวเองมาเป็นโบรกเกอร์ประกันภัยอีกด้วย ซึ่งจากข่าวที่ติดตามได้บอกว่า ตอนนี้ทางไปรษณีย์ไทยได้มีการเตรียมตัวสำหรับการเป็นโบรกเกอร์แล้ว เหลือแต่ขั้นตอนการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ถ้าผ่านก็น่าจะเริ่มดำเนินการขายประกันของตัวเองได้เลย
ไปรษณีย์ไทย ขายประกันไม่ใช่เรื่องใหม่
แต่ไปรษณีย์ไทย กับการขายประกันนั้น หากเรามองให้ดีแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะตอนนี้ทางไปรษณีย์ไทยก็มีการจับมือกับพันธมิตรด้านประกันภัย เพื่อให้บริการที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการชำระเบี้ยประกันภัย หรือมีการขายประกันรายย่อย(ไมโครอินชัวรันช์) ที่ทางไปรษณีย์ไทยจับมือกับสยามซิตี้ประกันภัย จัดจำหน่ายประกันภัยอุบัติเหตุแบบราคาถูกที่สามารถซื้อได้ที่ไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ แถมยังมีการแจกทองอยู่ทุกเดือนอีกด้วย ต้องมาดูกันว่า ถ้าไปรษณีย์ไทยมีประกันเป็นของตัวเองแล้ว ตรงนี้จะปรับเปลี่ยนอย่างไร
ไปรษณีย์ไทย จะขายประกันรูปแบบไหนบ้าง
คราวนี้เรามาลองเดาใจทีมผู้บริหารของไปรษณีย์ไทยกันดีกว่า ว่าการที่เค้าแตกไลน์มาขายประกันภัยเป็นของตัวเองในครั้งนี้ จะมีประกันภัยในรูปแบบไหนบ้าง
- อย่างแรกเลยที่เชื่อว่ามาแน่นอน นั่นคือประกันภัยอุบัติเหตุที่แต่เดิมจับมือกับพันธมิตร น่าจะออกมาทำเองมากกว่า
- สองประกันรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ สองอย่างนี้ต้องมีแน่นอนเพราะซื้อง่าย สะดวก
- สามประกันอัคคีภัย และเคหะสถาน กรมธรรม์ลักษณะนี้ก็ไม่น่าพลาด
- สี่ประกันแบบออมทรัพย์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สถาบันทางการเงิน แต่ไปรษณีย์น่าจะมีเงินหมุนเวียนพอสำหรับกรมธรรม์แบบนี้
- ห้าประกันภัยสำหรับสินค้าที่ขนส่ง แน่นอนว่าไปรษณีย์อยู่กับการขนส่ง ดังนั้นการแนบประกันแบบนี้สำหรับขนส่งสินค้าก็เป็นเรื่องที่เหมาะแล้ว
จุดแข็งของไปรษณีย์ไทย
มาดูจุดแข็งของไปรษณีย์ไทย กันดีกว่า ว่าเค้ามีจุดแข็งอะไรหากจะกระโดดเข้ามาในวงการประกันภัยนี้ อย่างแรกเลยก็คือ ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่กระจัดกระจายไปทั่วประเทศ มีสาขาย่อยเยอะแยะมากมายแถมรู้จักบ้านทุกหลังเป็นอย่างดีอีกต่างหาก ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้ารากหญ้าได้อย่างง่ายดาย จากข่าวบอกว่าหากได้รับอนุญาตแล้ว ทางไปรษณีย์ไทยสามารถขายประกันภัยได้จากช่องทางของไปรษณีย์ที่มีมากกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศเลย สมมุติว่าหากมีการเก็บเบี้ยประกันขึ้นมา รับรองว่าบุรุษไปรษณีย์สามารถไปถึงบ้านหรือที่ทำงานเราได้อย่างแน่นอน ยังไม่รวมถึงช่องทางโฆษณากับพันธมิตรอย่างช่องทีวีต่างๆอีก ถือว่าเป็นองค์กรที่สามารถเจาะรากหญ้าได้อย่างแท้จริงทีเดียว โดยแนวคิดของผู้บริหารบอกว่ายังมีคนไทยอีกมากที่ยังไม่เข้าใจเรื่องประกันภัยว่ามีความสำคัญอย่างไร หากทางไปรษณีย์ไทยสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ ออกไปทำความเข้าใจ และชักชวนการทำประกันภัยได้ล่ะก็ ถือว่าเป็นช่องทางในการหารายได้อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว
จุดอ่อนของไปรษณีย์ไทย
เมื่อมีจุดแข็งก็ย่อมมีจุดอ่อน ไปรษณีย์ไทยเองก็มีจุดอ่อนอยู่พอสมควรเช่นกัน อย่างแรกเลยก็คือ
- ความน่าเชื่อถือของบุรุษไปรษณีย์ เนื่องจากว่าการขนส่งผ่านไปรษณีย์ไทยนั้นมักจะมีเรื่อง “ดราม่า” มาให้อ่านเป็นประจำบนโลกโซเชียล ทีนี้หากต้องชำระผ่านบุรษไปรษณีย์ที่มาเก็บหน้าบ้าน เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จ่ายได้จริง
- พนักงานไปรษณีย์จะมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับประกันภัยมากน้อยแค่ไหน อันนี้ยังเป็นคำถามเพราะเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนรู้เรื่องประกันมาตั้งแต่เริ่ม
- การติดต่อเคลมประกันจะรวดเร็วเหมือนกับบริษัทประกันทั่วไปไหม ซึ่งการบริการเหล่านี้แน่นอนว่าทำไม่ได้เพียงแค่วันสองวันแน่นอนก็ต้องมาติดตามกันว่า ทางไปรษณีย์ไทยจะทำได้มากน้อยแค่ไหน
แนวโน้มของการแตกไลน์ครั้งนี้
สำหรับแนวโน้มของการแตกไลน์มาขายประกันของไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะไปรษณีย์ไทยถือว่าเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนส่วนใหญ่ เชื่อว่าเราทุกคนต้องเคยใช้บริการของไปรษณีย์ไทยมาบ้างแหละ อย่างน้อยก็รับจดหมาย แต่การแตกไลน์มาทำครั้งนี้ แนวคิดน่ะดีแต่ก็ต้องมาลุ้นกันว่าการบริการที่ต้องเพิ่มขึ้นของไปรษณีย์นั้นจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน การจ่ายเบี้ยอาจจะไม่เท่าไร แต่การเคลมประกัน การดูแลลูกค้า เรื่องเหล่านี้มองว่าไปรษณีย์ไทยยังต้องเรียนรู้อีกเยอะทีเดียว และอย่าลืมว่าตลาดประกันภัยนั้นมีคู่แข่งเยอะมาก ไหนจะสถาบันทางการเงินอีก เรียกได้ว่าการลงมือของไปรษณีย์ครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะไปรอด กลับไปจับมือกับพันธมิตรเพื่อช่วยเก็บเบี้ยแล้วกินค่าธรรมเนียมเหมือนเดิมจะดีกว่า