การจะร่ำรวยขึ้นมาถึงขั้นเป็นเศรษฐีนั้น ไม่ใช้เกิดจากโชคช่วยหรือเพราะวาสนาดี มีงานวิจัยจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า คนรวยจริงนั้น มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เอื้อต่อการเก็บ สะสมเงินทอง องค์ประกอบทั้งเอื้ออำนวยนี้ มี 7 ข้อด้วยกัน
ข้อหนึ่ง คนรวยจะใช้จ่ายน้อยกว่าที่หามาได้ และน้อยกว่ามากๆด้วย
เช่น ถ้าเขาหาเงินได้ปีละหนึ่งล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่เขาใช้จ่ายในการดำรงชีวิต ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เกิน 70% นั่นแสดงว่า เขาจะมีเงินเก็บปีละ 30% ถ้าเขาทำแบบนี้ได้ 3 ปี ทรัพย์สินของเขาก็จะเพิ่ม เกือบ 100% จะเห็นได้ว่า ที่มาของเงินนั้น ไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรือได้เงินก้อนใหญ่มากจากไหน เพียงแต่เขาดำรงชีวิตในรูปแบบที่ไม่ใช้มากกว่าที่หาได้
ข้อสอง คนรวยจะจัดสรรเวลา พลังงาน และเงินที่ได้มาอย่างมีประสิทธิภาพ
ในแบบที่เกื้อกูลต่อการสร้างความร่ำรวย เรียกง่ายๆว่าทำงาน ใช้เงิน ใช้ชีวิตไปในแนวทางเดียวกัน ต้นทุนอะไรที่แชร์กันได้ ก็แชร์กันไป ระหว่างการงาน การเงินและการกินอยู่ เรียกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
ข้อสาม คนรวยจริงมีทัศนคติและความเชื่อว่า ความมั่งคงทางการเงินคือการมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่หาเงินมาเพื่ออวดร่ำอวดรวยหวังมีหน้าตาทางสังคม พวกเขาไม่ชอบเปรียบเทียบความรวยกับคนอื่น เขายินดีที่จะอยู่แบบจนแต่มั่นคง ดีกว่าที่จะอยู่เพื่อให้คนอื่นมองว่าตัวเองรวย แต่จริงๆแล้วไม่มีความมั่นคงใดๆ ประมาณว่าอยู่อย่างหน้าชื่นอกตรม คนรวยจริงเขาไม่นิยมแบบนี้กันหรอก
ข้อสี่ พ่อแม่ของเศรษฐีเหล่านี้ ไม่ได้เลี้ยงดูพวกเขาอย่างคุณหนู และไม่ได้ให้เงินใช้จนเคยตัว
พ่อแม่ที่ไม่ยอมให้ลูกลำบากเท่ากับทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว การไม่ยอมให้ลูกเรียนรู้ที่จะรับมือกับปัญหา ในวันข้างหน้า ลูกจะมีปัญญาอะไรไปรักษาสมบัติตั้งมากมาย
ข้อห้า ลูกๆของเศรษฐีเหล่านี้ มีรายได้อยู่ในขั้นที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้
แสดงให้เห็นว่า พ่อแม่มีการฝึกลูกให้สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ได้ปล่อยให้อยู่อย่างสุขสบาย ทำอะไรก็ไม่เป็น
ข้อหก คนรวยเหล่านี้เก่งและเชี่ยวชาญในเรื่องการมองเห็นโอกาส
ไม่ว่าจะเป็นโอกาสด้านการตลาดหรือโอกาสเกี่ยวกับการลงทุน
ข้อเจ็ด คนรวยจะเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเอง
แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้รู้จักและเข้าใจธรรมชาติของตัวตน การที่คนจะรวยไม่จำเป็นต้องรวยจากการงานอาชีพในแบบเดียวกัน ทุกคนสามารถร่ำรวยขึ้นมาได้ด้วยสไตล์และรูปที่เป็นตัวเอง ด้วยความรักและความถนัดแตกต่างกัน
ข้อสรุปเรื่องเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า คนที่จะรวยนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนโชคดีหรือเก่งกาจมากความสมารถเหนือมนุษย์ พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดา ที่มีอาชีพกระจายอยู่ทั่วไป แต่เขาร่ำรวยขึ้นมาได้ด้วยทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ และอุปนิสัยที่เอื้อต่อการร่ำรวยและสะสมเงินมองมากกว่า แสดงว่าทุกสาขาอาชีพก็สามารถรวยได้ ถ้ารู้จักหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้ มีความเข้าใจตนเอง และเข้าใจชีวิตอย่างถูกต้อง รู้จักใช้เงิน ใช้เวลาและใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมว่าคนที่รวยจริงหรือเป็นเศรษฐีตัวจริงนั้น เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการอวดร่ำอวดรวยอะไร เขาเลือกที่จะมีความมั่งคง มีกินมีใช้ตลอดไปอย่างยั่งยืน มากที่ที่จะไปแข่งขันกับใครๆ เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ก็ลองย้อนมาดูที่ตัวเราเองว่า เราอยากรวยจริงๆหรือ หรือเราแค่อยากให้คนอื่นมองเราในแง่ดี หรือเราอยากให้ตัวเองดูดีเมื่อเปรียบกับคนอื่นๆ ถ้าเราอยากมีความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ก็เลิกเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ทั้งด้านที่ดีกว่าและแย่กว่า เพราะการเปรียบเทียบไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือ ใช้ให้น้อยกว่าที่หามา และพยายามพัฒนาทักษะด้านการมองหาโอกาส หากทำได้เช่นนี้ ก็จะเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้อย่างแน่นอน