ซื้อรถคันแรก กับดักทางการเงิน ที่ควรระวัง รวมสิ่งต้องรู้ก่อนออกรถ
การซื้อรถยนต์คันแรกในชีวิตถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญของทุกคน เป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพ และความเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นภาระผูกพันทางการเงินระยะยาว เราจึงต้องพิจารณาให้ดีเกี่ยวกับรถคันแรก กับดักทางการเงินที่ควรระวัง เพราะรถคันแรกอาจกลายเป็นหลุมพรางทางการเงินที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ต้องประสบปัญหาหนี้สินมาแล้วนักต่อนัก เราเลยจะพาทุกคนมาดูกันว่า ซื้อรถคันแรก กับดักทางการเงิน ที่ควรระวัง รวมสิ่งต้องรู้ก่อนออกรถ มีอะไรบ้างที่เราต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ
ซื้อรถคันแรก กับดักทางการเงินที่ควรระวัง
ด้วยความที่การซื้อรถคันแรกนับเป็นก้าวสำคัญในชีวิตของใครหลายๆ คน แต่ถ้าเรากลายเป็นเหยื่อซื้อรถคันแรก กับดักทางการเงินที่ควรระวัง มันก็จะกลายเป็นภาระหนี้สินที่ทำให้เราต้องตามล้างตามเช็ดไปอีกนานหลายปีเลยทีเดียว มันคงจะดีกว่า ถ้าเรารู้ทันกับดักทางการเงินจากการซื้อรถคันแรกก่อนตัดสินใจ สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ว่าควรซื้อรถคันแรกดีหรือไม่ สิ่งที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ มีดังนี้
-
คำนวณรายรับรายจ่าย
บางคนติดกับดับตั้งแต่ขั้นตอนแรก เพราะมองว่าการซื้อรถ แค่คำนวณรายรับรายจ่ายคร่าวๆ ก็ได้ แต่ความจริงแล้ว นี่รถยนต์เป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่ใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่อนหมด เพราะฉะนั้น เราจึงต้องคำนวณอย่างพิถีพิถัน เอาให้รัดกุมที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาหนี้สินจากการซื้อรถ เกิดมาจากการที่ไม่รู้รายรับรายจ่ายของตัวเอง
หากคำนวณแล้วพบว่าเงินที่เหลืออยู่จากการผ่อนชำระหนี้สินทั้งหมดมากกว่า 60% ของรายได้ ถือว่าเรามีกำลังในการซื้อรถยนต์ระดับหนึ่งเหมือนกัน แต่ถ้าน้อยกว่า เราอาจจะต้องพิจารณาวิธีอื่นที่ช่วยให้เราไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ทางการเงินที่ตึงมือจนเกินไป
-
คำนวณหนี้สินเดิม
สำหรับใครที่มีหนี้สินอื่นๆ นอกเหนือจากนี่รถที่กำลังจะก่อเพิ่ม อย่างเช่น มีหนี้บัตรเครดิตที่ต้องผ่อนเดือนละ 3,000 บาท มีหนี้บ้านอีกเดือนละ 8,000 บาท รวมแล้วมีหนี้สินเดือนละ 11,000 บาท มีรายได้เดือนละ 25,000 บาท เท่ากับว่าคุณต้องผ่อนชำระหนี้สินเป็นจำนวนเงินกว่า 44% ของรายได้ ถ้ารวมผ่อนรถอีกเดือนละ 6,000 บาท เราก็จะมีหนี้สินเดือนละ 17,000 บาท คิดเป็น 68% ของรายได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีหนี้สินทุกยอดในแต่ละเดือนรวมกันเกินกว่า 40% ของรายได้ หมายความว่าเราเริ่มขาดสภาพคล่องแล้ว การที่เรากำลังจะซื้อรถและทำให้มียอดหนี้เพิ่มเป็น 68% ของรายได้ต่อเดือน จะทำให้คุณมีปัญหาทางการเงินในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะคุณมีหนี้สินสูงกว่าอัตราส่วนการชำระคืนหนี้สินจากรายได้นั่นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าคำนวณแล้วพบว่ามีหนี้สินมากกว่า 40% ของรายได้ หมายความว่าเรายังไม่ควรสร้างหนี้ก้อนอื่นเพิ่มแต่อย่างใด
-
คำนวณงบประมาณคงเหลือในแต่ละเดือน
สำหรับใครที่ผ่านการคำนวณหนี้สินเดิมมาแล้ว เมื่อรวมเข้ากับหนี้รถที่กำลังจะสร้างขึ้นมาใหม่ ยอดหนี้สินในแต่ละเดือนยังไม่เกินกว่า 40% ของรายได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณพร้อมสำหรับการออกรถคันแรกแล้ว เพราะเรายังต้องคำนวณก่อนว่าเงินของเราจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในชีวิตประจำวัน กรณีเกิดมีใครเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องจ่ายค่าเทอมลูก เรามีเงินสำรอง และสามารถสร้างรายได้ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายหรือเปล่า
ยังไม่รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาจากการซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็นค่าตรวจสภาพประจำปี ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันรถยนต์ ค่าต่อทะเบียนรถ ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ เบ็ดเสร็จในแต่ละปีเราอาจจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่ตามมาจากรถยนต์เป็นจำนวนเงินสูงกว่า 20,000 บาทเลยทีเดียว ถ้าคำนวณแล้วรู้สึกว่าจ่ายไม่ไหว เราอาจจะต้องไปพิจารณาวิธีเดินทางแบบอื่นแทนการซื้อรถ
ประเมินความพร้อมในการซื้อรถ
-
เลือกสินเชื่อให้เหมาะสม
สำหรับใครที่คำนวณแล้วพบว่าตัวเองมีความสามารถในการซื้อรถอย่างแน่นอน คำนวณรายรับรายจ่ายแล้วโอเค มีหนี้สินรวมกับหนี้รถแล้วไม่เกิน 40% สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายที่ตามมาจากการซื้อรถได้ มีความสามารถในการสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย มีเงินเย็นเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ต่อมาก็คือการตัดสินใจว่าจะขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งไหนดี
อันดับแรกเราก็ต้องพิจารณาก่อนว่าเรามีเงินดาวน์มากน้อยแค่ไหน แต่ที่ไม่แนะนำเลยคือการดาวน์ 0% เพราะมันจะทำให้ปิดหนี้ช้า ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ถ้าเราดาวน์มาก ธนาคารก็จะมีโปรโมชันลดดอกเบี้ยต่ำลง ซึ่งโดยปกติแล้วเราก็จะวางเงินดาวน์กันประมาณ 20% ถึง 30 เปอร์เซ็นต์จากราคารถที่จะซื้อ ถ้าดาวน์น้อยกว่านี้ดอกเบี้ยจะแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในทางกลับกัน ถึงเราจะดาวน์มากกว่านี้แต่ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ถูกลงถึงขนาดนั้นแล้ว มันจึงเป็นจำนวนเงินดาวน์ที่กำลังพอเหมาะพอดี
แต่สำหรับใครที่อยากจะวางเงินดาวน์เยอะๆ เพื่อที่จะลดให้ค่างวดต่ำลงกว่าเดิม เวลาผ่อนก็ผ่อนสบาย เราก็สามารถทำได้เหมือนกัน แต่ที่ไม่แนะนำคือการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ให้ยาวขึ้นกว่าเดิม เพราะมันจะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ต้องดูว่าโปรโมชันของธนาคารไหนที่ตอบโจทย์ความสามารถทางการเงินของเรามากที่สุด
-
เลือกใช้วิธีการอื่น ๆ นอกเหนือจากการซื้อรถ
สำหรับใครที่พิจารณาแล้วว่าเราอาจจะยังไม่เหมาะสำหรับการซื้อรถยนต์ตอนนี้ ความจริงแล้วเราก็มีวิธีการอื่นในการเดินทางที่สามารถใช้ได้แทนการซื้อรถเป็นของตัวเองเหมือนกัน นั่นก็คือการเช่ารถ ให้เราคำนวณดูว่าระหว่างการเช่ารถกับการใช้รถสาธารณะ แบบไหนที่ค่าใช้จ่ายประหยัดกว่า เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเราได้มากขึ้นกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น เราเดินทางไปทำงานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ศุกร์เย็นเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด วันอาทิตย์เย็นเดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางวันจันทร์ถึงศุกร์ไปกลับอยู่ที่วันละ 80 บาท ตีเป็นเดือนละ 1,600 บาท กลับบ้านต่างจังหวัดไปกลับรวมสัปดาห์ละ 800 บาท ตกเดือนละ 2,400 บาท รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดเดือนละ 4,000 บาท หากเราสามารถหารถเช่าที่ตกเดือนละไม่เกิน 4,000 บาท มันก็จะสะดวกสบายมากกว่า แต่ก็ต้องไม่ลืมคำนวณค่าน้ำมันด้วยเหมือนกัน
รถใหม่กับรถมือสอง ซื้อรถคันแรก แบบไหนที่ตอบโจทย์
บางคนอาจมองว่าซื้อรถคันแรกทั้งที ซื้อมือหนึ่งไปเลยดีกว่า เพราะมันภาคภูมิใจ แถมยังสามารถใช้งานได้ยาวๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องขับไปซ่อมไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากพิจารณาดูให้ดีเราจะพบว่ารถมือสองก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่เลยแม้แต่น้อย แถมมันยังตอบโจทย์สภาพการเงินของบางคนมากกว่าการซื้อรถมือหนึ่งอีกต่างหาก สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อรถมือหนึ่ง หรือมือสองดี เราจะพาทุกคนไปดูสิ่งที่ต้องพิจารณากัน ดังนี้
-
รถมือสอง ตาดีได้ ตาร้ายเสีย
รถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมา แม้ว่าข้างในจะผุพังมากแค่ไหน แต่สำหรับคนมีฝีมือก็สามารถทำให้มันดูสวยเหมือนใหม่ได้เหมือนกัน มันเลยเป็นของที่ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ต้องมีความรู้เกี่ยวกับรถสักหน่อยถึงจะสามารถเลือกซื้อคันที่ดีจริงๆ ได้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นก็มีโอกาสสูงที่จะได้ซื้อมาซ่อมไปขับไป หรืออาจเจอรถสอดไส้ที่ของเดิมพังเละเทะ แต่เอาไปซ่อมมาซะจนดูเหมือนใหม่ สุดท้ายขับๆ ไปก็เจอปัญหาอยู่ดี
-
การซ่อมบำรุง
รถมือสองคือรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ถึงจะสภาพดีมากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง และการดูแลปรับปรุงอยู่ดี ยิ่งถ้าเป็นรถสภาพแย่ เคยผ่านอุบัติเหตุ มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่มาก่อน หรือบางเจ้าก็อาจจะขายมาในสภาพพังๆ มันก็จะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่อาจสูงกว่าที่คุณคิด นอกจากนี้ยังต้องเสียเวลาอีกต่างหาก ใครไม่เคยเข้าวงการซ่อมรถมาก่อนอ่านเคราะห์ซ้ำด้ามพลอย เพราะโดนอู่หลอกฟันค่าซ่อมไปอีกหลายบาทเลยทีเดียว
-
ค่าใช้จ่ายในการผ่อน
ถึงแม้ว่ารถมือสองจะมีราคาถูกกว่ารถมือหนึ่งเกือบครึ่ง แต่เราต้องไม่ลืมเรื่องดอกเบี้ยด้วย เพราะโดยปกติแล้วดอกเบี้ยเวลาซื้อรถยนต์มือสองมักจะสูงกว่าการซื้อรถมือหนึ่งเสมอ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มบวกจากราคาขายเข้าไปอีกต่างหาก
ถ้าเราดูแค่โปรโมชันสินเชื่ออาจคิดว่ามันผ่อนสบาย เพราะค่างวดต่อเดือนไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าคำนวณไปถึงเนื้อใน เราจะพบว่าอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่คิด เงินที่ต้องผ่อนทั้งหมดอาจเพียงพอสำหรับการซื้อรถยนต์มือหนึ่งแบบไม่รวมดอกเบี้ยเลยทีเดียว
-
ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน
ปกติแล้วรถมือหนึ่งเวลาไปเสียภาษีเพื่อต่อทะเบียน รถที่มีการใช้งานไม่เกิน 7 ปีไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อน แต่ถ้าเราซื้อรถมือสองมา แล้วมีอายุการใช้งานเกินกว่า 7 ปีขึ้นไป ค่าใช้จ่ายแรกที่จะตามมาเลยก็คือการตรวจสภาพรถ ยังไม่รวมไปถึงค่าประกันอุบัติเหตุที่อาจสูงขึ้น เวลาได้รับความเสียหายมา ถ้าเป็นรถที่เลิกผลิตในไทยแล้ว เราอาจจะต้องนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่ ค่าใช้จ่ายสูงกว่า ต้องรอเวลานานกว่าด้วย
-
ความแตกต่างของราคา
ถึงแม้ว่าโดยภาพรวมแล้วดูเหมือนว่ารถมือสองจะไม่ค่อยคุ้มสักเท่าไหร่สำหรับการออกรถ แต่ถ้าเกิดว่าเราเลือกรถเป็น เจอรถมือสองที่ราคาถูกมากจนสามารถชำระเงินแบบเต็มจำนวนให้กับเจ้าของรถคนเก่าได้ ความจริงแล้วมันก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะราคาไม่แพงจนเกินไป เราสามารถจ่ายจำนวนเต็มได้ ทำให้ไม่ต้องเป็นหนี้ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่มันก็ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า รถราคาถูกจนคุ้มมากๆ สภาพดี ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยไร้ปัญหา ไม่เคยผ่านอุบัติเหตุการชนรุนแรงมาก่อนเท่านั้น
สรุปแล้ว ซื้อรถคันแรก กับดักทางการเงินที่ควรระวัง หลัก ๆ ก็จะมีเรื่องการคำนวณรายได้ และค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน พิจารณาว่าเรามีความสามารถมากพอในการแบกรับค่าใช้จ่ายที่จะตามมาจากการซื้อรถหรือไม่ เพราะมันเป็นการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต หากเราไม่เตรียมตัวให้ดี เตรียมวางแผนการเงินให้พร้อม มันก็จะกลายมาเป็นบ่อเกิดแห่งหนี้สินไม่รู้จบ แต่หากเราวางแผนดี เราก็จะสามารถซื้อรถยนต์ได้โดยที่ไม่กระทบกับสภาพคล่อง ช่วยให้การเงินทางสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม