คลื่นลูกใหม่มักจะมาแรงและแซงคลื่นลูกเก่าที่อ่อนแรงลงเรื่อยๆไปได้ในที่สุด คนเราก็เช่นกัน คนรุ่นใหม่จะมาแรงและแซงหน้าคนรุ่นเก่าไปได้ ไม่เร็วก็ช้า ยิ่งเป็นยุคโลกไร้พรมแดน และเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่ายและเร็ว คนรุ่นใหม่ยิ่งก้าวทันและล้ำหน้าคนรุ่นเก่าไปแล้วหลายเท่าตัว ถ้าเป็นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน คนอายุ 40 ปีคงทำไร่ทำนา ต่อมาสัก 20 ปีที่แล้ว คนอายุ 40 ปี ถือว่ากำลังเป็นดาวรุ่ง ชีวิตกำลังพุ่งแรงในแวดวงคนทำงาน แต่ตอนนี้ คนอายุ 40 ดูเหมือนจะล้าหลังเสียแล้ว เพราะเด็กรุ่นใหม่ 20 ปลายๆถึง 30 ต้นๆ มีวิธีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปในแทบจะทุกๆด้าน เราจะเห็นคนที่ประสบความสำเร็จอายุน้อยลงเรื่อยๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ คนวัย 40 ปี ควรจะปรับและเตรียมตัวเองอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ค่าใช้จ่าย และความเป็นอยู่ในอนาคต เพราะตัวเองก็แก่ลงทุนวัน จะมีอะไรเป็นหลักประกันให้กับชีวิตได้บ้าง ลองมาฟังเรื่องของหนุ่มใหญ่ วัยกลางคน ที่ชื่อสมชายดู
สมชายเล่าว่า ตอนงานเลี้ยงรุ่นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาอายุ 25 ปี ได้ชักชวนเพื่อนให้รู้จักการออม และลงทุน แต่เพื่อนๆไม่ค่อยสนใจ เพราะเพิ่งเรียนจบ เพิ่งเริ่มทำงาน หลายคนอยากเที่ยว หลายคนเก็บเงินเพื่อเรียนต่อ และหลายคนแต่งงานมีภาระทางครอบครัว และทุกคนมีข้ออ้างต่างๆนาๆในการที่ไม่สามารถออมเงินและลงทุน เวลาผ่านไป 15 ปี ตอนนี้สมชายอายุ 40 ปีแล้ว ได้ไปงานเลี้ยงรุ่นและได้เจอกับเพื่อนกลุ่มเดิม ซึ่งหลายคนเริ่มหัวล่าน อ้วนลงพุง ผมขาว บางคนดูแก่เกินวัย ในกลุ่มเพื่อนก็คุยกันเรื่องเดิมๆ รวมทั้งเรื่องของการออมและการลงทุนด้วย มีเพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า อายุ 40 กว่าๆกันแล้ว ควรจะเตรียมตัวเกษียณอย่างไรกันบ้าง สมชายบอกเพื่อนๆไปว่า สื่งที่ควรจะมีเพื่อเตรียมตัวเกษียณก็คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่สะสมมาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่เริ่มทำงาน ข้อต่อมาคือประกันชีวิต แล้วก็พวกกองทุน LTF RMF ที่สามารถออมได้ 15% ของรายได้ ทุกปี ซึ่งถือว่าไม่ใช่เงินน้อยเลย อีกข้อหนึ่งคือ บ้านหรือที่อยู่อาศัยที่เป็นของเราเอง ถ้าใครใช้วิธีผ่อน อายุผ่านมาถึง 40 ปี ก็ผ่อนบ้านมาครึ่งทางแล้ว ข้อสุดท้ายคือการออมในหุ้น ที่ควรออมอย่างน้อยสัก 10% ของเงินเดือน ซื้อสะสมไว้ทุกๆเดือน เป็นหุ้นพื้นฐานดี ในอนาคตก็จะได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง เมื่อสมชายพูดจบ เพื่อนๆก็ตอบเป็นไปในแนวทางเดียวกันว่า ต้องออมเงินมากขนาดนี้ แล้วจะเอาอะไรกิน ทุกวันนี้แค่ค่ากินค่าอยู่ก็แทบจะไม่พอ แล้วยังจะมีค่าเทอมลูก ค่าไปเที่ยวเมืองนอกอีก จะเหลือเงินตรงไหนมาออม จะเอาเงินตรงไหนมาซื้อหุ้น สมชายได้ข้อสรุปว่า ในงานเลี้ยงรุ่น ตอนนี้กับเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ข้ออ้างของเพื่อนๆที่จะไม่ลงทุน ไม่ออมเงิน ยังคงเป็นข้ออ้างแบบเดิมๆ
เรื่องของสมชายกับเพื่อนๆ สามารถนำมาเป็นข้อเตือนใจได้หลายอย่าง คนรุ่นอายุ 40 -50 ปี ตอนนี้ถือว่าความรู้ที่เคยเรียนมาตกยุคไปแล้ว การจะต้องตามให้ทันเทคโนโลยีใหม่ ก็ทำได้ไม่คล่องแคล่ว เพราะเป็นวัยที่สมองไม่แล่นเหมือนแต่ก่อน ข้อได้เปรียบของคนรุ่นนี้คือ เงินสะสมที่มีมากกว่า หากใครยังไม่เคยสะสม ไม่มีบ้าน ไม่มีประกันชีวิต ไม่มีพอร์ตหุ้นอะไรกับเขาสักอย่าง ถือว่าชีวิตตกอยู่ในห้วงอันตรายทางการเงินเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น คลื่นลูกใหม่มักจะไล่ทันและแซงหน้าคลื่นลูกเก่าอยู่เสมอ คนเราหากหยุดอยู่กับที่หรือไม่เคยสะสมและเตรียมตัวเผื่อไว้ในอนาคต อาจต้องพบกับการทำมาหากินที่ลำบาก เพราะยุคสมัยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความรู้ก็ตกยุคเร็วเช่นกัน สิ่งที่กำลังเป็นที่ต้องการอยู่ในตอนนี้ อีก 3 ปี 5ปี อาจเป็นสิ่งไร้ค่าไปเลยก็ได้ ดังนั้นในช่วงที่เป็นยุคทองของเรา ยังไงต้องออมต้องสะสมเงิรทองไว้บ้าง หากต่อนนี้อายุ 40 ปี ยังไม่มีอะไรเลย ก็ต้องเริ่มออม เริ่มลงทุน มากน้อยไม่สำคัญเท่ากับเริ่มลงมือ