พ่อแม่หลายคนคงเคยได้ยินเพื่อน ๆ พ่อแม่ด้วยกันคุยว่า “ถ้าอยากจะทำธุรกิจ ให้ลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับเด็ก เพราะยังไงพ่อแม่รักลูกก็ยอมทุ่มเพื่อลูกอยู่แล้ว” เมื่อคิดพิจารณาดูแล้วประโยคนี้มีส่วนจริงอยู่มาก เพราะพ่อแม่หลายครอบครัวต้องการ เปิดโอกาสให้ลูกได้รับ หลายคนเด็ก ๆ อยากเรียนเปียโนแต่ไม่มีโอกาส เมื่อเป็นพ่อแม่จึงอยากให้ลูกได้มีโอกาสเรียน ส่วนลูก จะชอบหรือไม่ชอบก็ค่อยว่ากันอีกที กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เผลอรูดการ์ดซื้อเปียโนเรือนแสนไปแล้ว เรียนเปียโนได้ยังไม่ทัน จะจบคอร์สที่ 3 ลูกก็งอแงไม่อยากเรียนเสียอย่างนั้น เรื่องแบบนี้มีให้เห็นบ่อยมาก
ด้วยความที่โอกาสในการเรียนรู้สำหรับเด็กนั้นมีไม่จำกัด ทักษะหลายอย่างจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนแต่ปฐมวัย คุณพ่อ คุณแม่ที่พร้อมจึงพยายามให้โอกาสให้ลูกได้ลองเรียนรู้ ส่งลูกเรียนเสริม ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ ดนตรี กีฬา แม้กระทั่งเรียนเสริมทักษะ ด้านภาษา ทักษะการเข้าสังคม ทำอาหารหรือเรียนเพื่อเป็นดารา ในแต่ละหมวดก็ยังมีหลากหลาย กีฬาก็มีตั้งแต่กอล์ฟ เทนนิส มวย ว่ายน้ำ ดนตรีก็มีตั้งแต่เปียโน กีต้าร์ กลอง ไวโอลิน นับกันไม่หมดแต่ละประเภทแต่ละชนิดค่าเรียนไม่ใช่ถูกเลย อุปกรณ์ก็ไม่ถูกเช่นกัน หากแต่พ่อแม่มองเป็นการลงทุนเพื่อการพัฒนาศักยภาพให้รอบด้านของลูกน้อย จึงยอมที่จะจัดหามาให้ลูกอย่างดีที่สุด
ก่อนอื่นพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเลือกก่อนว่าสิ่งไหนเหมาะกับลูกน้อย สิ่งไหนหาสิ่งอื่นทดแทนได้ หรือสิ่งไหนอาจยังไม่จำเป็นในขณะนี้ การพัฒนาศักยภาพอาจแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
- ด้านดนตรี
เป็นการพัฒนาศักยภาพด้านหู ตา และสัมผัส ฝึกทักษะส่วนดนตรี การเริ่มเรียนดนตรีแต่ยังเล็ก ช่วยพัฒนาด้านหูไม่ให้เพี้ยน รวมถึงกล้ามเนื้อมัดเล็กและการจัดระเบียบของเซลล์สื่อประสาท หากตัดสินใจเลือกดนตรี อาจเลือกเปียโนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเป็นเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้นที่สามารถเล่นเมโลดี้และคอร์ดสัมพันธ์ไปพร้อม ๆ กัน เป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดที่จะนำไปสู่การเล่นดนตรีประเภทอื่น ๆ ได้ง่าย เพราะการเรียนเปียโนได้ภาษา โน้ตดนตรีสากลที่ครอบคลุมมากกว่าและเข้าใจได้ง่ายที่สุด สามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ 3 ขวบ ค่าใช้จ่าย 1,500-3,000 บาท ต่อเดือน ตัวเปียโนราคาเริ่มต้น 19,000 บาท สำหรับแบบไฟฟ้า และ 90,000 บาท สำหรับแบบอคูสติก แนะนำให้ซื้อแบบไฟฟ้าก่อน เพราะสามารถซ้อมเล่นกลางคืนได้ไม่เสียงดังรบกวนและราคาถูก เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- ด้านศิลปะ
ช่วยพัฒนาศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ การเชื่อมหาเหตุผลของภาพในหัวลงผ่านมือ สำหรับศิลปะ สามารถเรียนเป็นคอร์สสั้น ๆ แบบกิจกรรม โดยเลือกการวาดรูปสีน้ำ ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน อุปกรณ์ใช้ของโรงเรียน เว้นแต่ต้องการนำมาฝึกเองที่บ้าน
- ด้านกีฬาและการเต้น
พัฒนาทุก ๆ ด้าน ฝึกความไวของประสาทรับรู้และสุขภาพที่แข็งแรง รวมถึงร่างกาย ที่มีบุคลิกภาพที่ดี หลังตรงในระยะยาวอีกด้วย ลองเลือกเรียนเทควันโด้ เนื่องจากเล่นได้ทั้งชายหญิง ราคาไม่แพงเพราะส่วนใหญ่เป็นคลาสวน เน้นให้เด็กได้ออกกำลังกายในท่าทางที่ถูกต้อง ค่าใช้จ่ายประมาณ 600-1,000 บาทต่อเดือน ค่าชุดประมาณ 800 บาท
เมื่อพิจารณาการเลือกเรียนทั้งสามหมวดวิชา การเรียนศิลปะและเทควันโด้อาจไม่จำเป็นต้องเรียนต่อเนื่องก็ได้ เพราะสามารถนำไปสู่การเลือกเรียนกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่สนใจต่อไป เช่น มวยไทย หรือเทนนิส แต่กีฬาหนึ่งที่ควรเรียนให้เป็นคือการว่ายน้ำ ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน ซึ่งควรเรียนให้ต่อเนื่องจึงจะได้ผลดีกว่า
ส่วนเปียโนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เพราะเรียนได้จนถึงโต อีกทั้งยังมีราคาค่อนข้างสูงจึงต้องวางแผนระยะยาว เมื่อรวมเงินค่าเรียนที่คิดเป็นเฉลี่ยขั้นต่ำต่อเดือนทั้ง 3 หมวด+ว่ายน้ำ จะได้ดังนี้
ค่าเรียน >> เปียโน 1,500 + ศิลปะ 2,000 + เทควันโด้ 600 + ว่ายน้ำ 1,000 = ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 5,100 บาท/เดือน
คิดที่จำนวนเรียน 4 ครั้งต่อเดือน (ในทำนองเดียวกันขั้นสูง 8,000 บาท/เดือน)
ค่าอุปกรณ์ >> เปียโน 19,000 + ศิลปะ 0 + เทควันโด้ 800 + ว่ายน้ำ 1,000 = ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ 20,800 บาท
เมื่อพิจารณาการเรียนทักษะบางส่วน เช่น ศิลปะซึ่งอาจเรียนไม่ต่อเนื่อง สามารถตัดออกจากค่าใช้จ่ายรายเดือนได้ แต่เราอาจเก็บเงินส่วนนี้ไว้เผื่อค่าใช้จ่ายในการเรียนเสริมอื่น ๆ ที่อาจเกิดภายหลัง เช่น เรียนทำอาหาร เรียนต่อโรบอท หรือเรียนปั้นดินแป้งโดร์หก็ได้
ส่วนอุปกรณ์ราคาแพง เช่น เปียโน อาจให้ลูกลองเรียนสัก คอร์ส 2 คอร์ส เพื่อดูความสนใจส่วนตัวของเขา ถ้าหากเด็กแสดงความสนใจก็ดีไป แต่ถ้าไม่ชัดเจนและลูกก็ไม่ต่อต้านกับการเรียนเปียโน ถ้าเข้าข่ายนี้ก็ลงทุนซื้อเปียโนเข้าบ้านได้เลย ส่งให้เรียนถึงโตได้ ส่วนเรื่องซื้อเปียโน แน่นอนว่ารุ่นราคาสูงกว่ามักได้คีย์ที่มีน้ำหนักดีกว่าและใกล้เคียงกับเปียโน Acoustic ซึ่งย่อมดีกว่าอยู่แล้วแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับความพร้อมของแต่ละครอบครัว
เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงและจัดสรรจะเหลือเพียงค่าเรียนที่ต้องจ่ายต่อเดือนเฉลี่ย 3,000-8,000 บาท ให้คิดย้อนไปว่าเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของรายได้ หากจัดเป็นกองค่าใช้จ่ายประจำเดือนจะส่งผลกระทบเงินกองไหนบ้าง หากกระทบกองอื่น ๆ ให้ลองจัดสรรใหม่เพื่อให้เหมาะสมลงตัว ส่วนจะเลือกที่ถูกที่แพงนั้นก็แล้วแต่พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ตามสมควร ให้นึกถึงจุดประสงค์แรกเริ่มที่ต้องการให้ลูกน้อยได้เรียน นั่นก็คือเป็นการเปิดโอกาสและพัฒนาศักยภาพสูงสุดที่จะเกิดกับลูกน้อยของเรานั่นเอง