สำหรับในอาเซียนนั้นก็มีอยู่มากมายหลากหลายเลยทีเดียว หากว่าตามที่เรารู้จักกันจริงๆนั้นก็มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น แต่สำหรับ ณ ปัจจุบันในตอนนี้หนึ่งประเทศนี้ที่เรานั้นจะต้องมีการจับตามองเป็นอย่างดีเลยทีเดียวสำหรับในด้านของเศษรฐกิจ นั่นก็คือเวียดนาม โดยในครั้งก่อนๆนั้นเราอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากมายนัก แต่ ณ ปัจจุบันนี้เราเองก็ต้องมีการเปลี่ยนความคิดกันไปอย่างมาก เพราะเนื่องจากเวียดนามนั้นมีการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแรงและไปในทิศทางบวกอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงทำให้เวียดนามนั้นกลายเป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับนักลงทุนทั่วโลก โดยสำหรับเวียดนามนั้นก็มีจุดแข็งดังนี้
ซึ่งสำหรับจุดแข็งของเวียดนามที่จะกล่าวกันต่อไปนี้นั้น เป็นเรื่องที่ทำให้เวียดนามนั้นกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่มีการเติบโตจนเป็นที่น่าจับตาสำหรับทั่วโลก โดยจุดแข็งของเวียดนามนั้นก็จะมีดังนี้
1.แรงงาน
ในส่วนของแรงงาน ที่เรียกได้ว่าเป็นที่ต้องการอย่างมากเลยทีเดียวสำหรับทั่วโลก และสำหรับค่าแรงนั้นเรียกได้ว่าถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน ที่สำคัญนั้นแรงงานในประเทศเวียดนามก็ยังมีอายุที่ต่ำกว่า 30ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มีพลังงานมากมายสำหรับในการทำงาน จึงทำให้ระบบแรงงานของเวียดนามเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
2.ตลาด
โดยสำหรับการเข้าสู่ตลาดของเวียดนามนั้นเรียกได้ว่าง่ายเป็นอย่างมาก เพราะสำหรับองค์การการค้าโลกนั้นได้มีการประเมินออกมาแล้วว่า เอกชนนั้นสามารถที่จะเข้าสู่ตลาดของเวียดนามได้ง่ายพอๆกับตลาดของสิงคโปร์ เพราะสำหรับข้อจำกัดของเวียดนามนั้นเรียกได้ว่าต่ำ ดังนั้นจึงทำให้การเข้าถึงตลาดของเวียดนามนั้นเป็นไปได้ง่ายอย่างมากเลยทีเดียว
3.ทรัพยากร
เวียดนามนั้นก็ได้มีแหล่งของทรัพยากรที่เรียกได้ว่า อุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กับประเทศอื่นๆในอาเซียนเลยทีเดียว เพราะเวียดนามนั้นมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่อยู่นอกชายฝั่ง และนอกจากนี้เวียดนามเองนั้นก็ยังมีทั้งแร่ธาตุอีกด้วย โดยสำคัยเป็นที่สุดสำหรับเวียดนามนั้น ก็คือเวียดนามนั้นได้กลายเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญที่สุดของโลกเลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่แพ้ประเทศอื่นๆในอาเซียนเลยทีเดียว และด้วยการที่เวียดนามมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้เวียดนามเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
4.กฎหมาย
และสำหรับกหมายในการลงทุนฉบับที่เวียดนามออกมานั้น เป็นการเอื้ออำนวยเป็นอย่างมากสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยกฎหมายนี้ได้มีการออกมาตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2558 ซึ่งตรงกับความต้องการขององค์การการค้าโลกเป็นอย่างมาก เพราะนักลงทุนต่างชาตินั้นสามารถที่จะเข้ามาลงทุนได้ง่ายเป็นอย่างมากอีกด้วย และที่สำคัญหากว่านักลงทุนต่างชาตินั้นต้องการที่จะเปิดธุรกิจในเวียดนามนั้นก็สามารถที่จะทำได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยก็จะมีการให้อิสระในการประกอบกิจกรรมธุรกิจทางกฎหมายได้มากกว่าเดิม และยังสามารถที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุนต่างชาติได้เป็นอย่างดี
5.หุ้นส่วนเศรษฐกิจ
สำหรับการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามนั้นได้เกิดขึ้นจากการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นแปซิฟิก โดยได้มีการฟันธงเอาว้สำหรับประเทศเวียดนามว่าจะเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์สูงสุดสำหรบการเข้าร่วม โดยสำหรับประเทศเวียดนามนั้นก็ได้มีการส่งออกของสิ่งทอไปยังประเทศสมาชิกต่างๆ โดยจะทำให้อุตสาหกรรมในด้านนี้นั้นได้รับผลประโยชน์มากที่สุดนั่นเอง ซึ่งก็ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนาม ดำเนินไปได้อย่างสวยงามและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
6.เปิดโอกาสให้กับต่างชาติ
โดยสำหรับประเทศเวียดนามนั้นภาครัฐได้มีการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนต่างชาติและภาคเอกชน ซึ่งสามารถที่จะทำความตกลงการจัดซื้อกับภาครัฐได้ผ่านการประมูลเมกกะดปรเจ็กต์โดยเป็นโปรเจ็กต์ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งสามารถที่จะทำการจัดซื้อได้ทั้งของระดับกระทรวง รัฐวิสาหกิจ ภูมิภาคและจังหวัด ดังนั้นใครที่ต้องการลงทุนกับเวียดนาม ก็สามารถเจรจาเพื่อการลงทุนได้ไม่ยาก
7.การเจรจาตกลง
ภาครัฐของประเทศเวียดนามเองนั้นก็ได้มีการเร่งเครื่องสำหรับการเจรจาตกลงทาการค้าเสรี โดยเวียดนามก็ได้บรรลุผลที่ได้ตั้งไว้กับกลุ่มประเทศสมาชิกอียู โดยสำหรับการตกลงนี้นั้น ได้ครอบคลุมไปถึงเรื่องของการเปิดค้าเสรีทั้งด้านของสินค้า บริการ โดยได้รวมไปถึงการลงทุนซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า เวียดนามนั้นจะมีมูลค่าสำหรับการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอียูเติบโต โดยจะเป็นไปอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากการได้รับยกเว้นภาษีที่เกือบเป็นศูนย์สำหรับการส่งออกต่างๆไปยังกลุ่มประเทศในอียูนั่เอง
เพราะฉะนั้นนักวิเคราห์ในด้านเศรษฐกิจได้มีความเห็นที่ตรงกันว่า เศรษฐกิจของเวียดนามเองนั้นจะมีการเติบโตออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศเวียดนามนั้นสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายที่มีการตั้งเอาไว้ได้ โดยจะมาจากเงินลงทุนจากนักลงทุนชาวต่างชาติที่ได้มีการเข้ามาลงทุนอีกด้วย โดยสำหรับประเทศไทยเองนั้นสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการเองก็ได้มีการเตรียมทำสัญญาเอ็มโอยูกับทางสำนักงานส่งเสริมการค้าของทางเวียดนาม เพื่อที่จะมีการดึงให้กลุ่มนักธุรกิจของเวียดนามนั้นได้เข้ามาชมนิทรรศการเกี่ยวกับสินค้าในประเทศไทยเพื่อการลงทุนต่อไปนั่นเอง