บัตรเครดิต ถือเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่คนสมัยใหม่ให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะการมีบัตรเครดิตไว้ใช้แล้วดีต่อธุรกิจ แต่รู้หรือไม่ว่าข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตอาจจะมีมากกว่าข้อดีก็ได้ ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตแบบผิด ๆ ปัญหาหนึ่งที่พบก็คือ การติดหนี้บัตรเครดิต คุณรู้หรือไม่ว่า การติดหนี้บัตรเครดิตแล้วไม่ย่อมชำระอาจส่งผลเสียต่อชีวิตของคุณอย่างไร
การเป็นหนี้บัตรเครดิต ถือเป็นการผิดนัด ยิ่งคุณไม่รีบไปชำระหนี้ แต่กลับเฉยแบบนี้อาจเสี่ยงต่อการติดคุกได้ สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ในตอนนี้ แล้วเกิดความกังวลว่า ถ้าไม่สามารถชำระหนี้บัตรเครดิตได้ ผลจะเป็นอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบในเรื่องนี้มาฝากค่ะ
การติดหนี้บัตรเครดิตหรือผิดนัด จะดำเนินคดีอย่างไร
การติดหนี้บัตรเครดิตแล้วไม่ยอมจ่าย จะถือว่าเป็นคดีแพ่ง ทางธนาคารจะฟ้อง ถ้าคุณได้รับสำเนาการฟ้องแล้ว หรือตรวจสอบแล้วว่าเป็นจริง ข้อมูลถูกต้องก็ให้ไปเจรจากับทางธนาคารฯ หรือถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ควรให้ไปหาทนายความสู้ว่าความกันต่อไป โดยปกติแล้วการใช้บัตรเครดิตการใช้บัตรเครดิตเมื่อมีการผิดนัดก็จะมีดอกเบี้ยปรับในจำนวนที่สูงมาก ๆ ซึ่งเบี้ยปรับนั้นคุณสามารถบอกกับศาลให้เข้าใจว่า “เงินต้นมีเท่านี้จริง” แล้วให้ทนายความสู้ช่วย เพื่อให้ศาลพิจารณาลด ถ้าคุณไม่มีการโต้แย้งในเรื่องของเงินต้น อาจจะทำให้คุณเสียเงินเป็นจำนวนมากตามคำสั่งศาลได้ และแน่นอนว่าคุณจะต้องเสียทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยปรับที่สูงมาก ๆ
เมื่อคุณสามารถตกลงกับศาลได้แล้วก็ชำระหนี้ หรือผ่อนชำระไป แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ หรือไม่มีการผ่อนชำระ ศาลก็จะพิพากษา คำพิพากษานี้ยังไม่มีสภาพข้อบังคับ พิพากษานั้นจะตัดสินให้ชนะ แพ้ หรือให้ใช้หนี้จำนวนเท่าไหร่ ถ้ามีสภาพบังคับก็คือ การส่งคำบังคับมาว่า คุณต้องไปชำระจะได้จบการพิพากษา แต่ถ้าคุณไม่ยอมไปชำระ เจ้าหนี้ หรือธนาคาร ก็มีสิทธิที่จะไปขอร้อง ต่อศาลให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อมาติดตามยึดทรัพยผู้ที่ทำบัตรเครดิตซึ่งก็คือ คุณ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นหนี้จริง ๆ แล้วก็ต้องรีบชำระนะคะ เพื่อถ้าเกิดปล่อยไว้อาจทำให้เรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่คุณไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป
คำสั่งศาลที่ว่า “ถ้าผู้ที่ทำบัตรเครดิตไม่ชำระหรือปฏิบัติตาม จะถูกยึดทรัพย์ ถูกจับ กักขังตามกฎหมาย” หมายความว่าอย่างไร
สำหรับคำสั่งศาลดังกล่าว เป็นลักษณะของการบังคับที่เป็นไปตามกฎหมาย แต่กฎหมายในทางแพ่งนี้คือ เจ้าหนี้ หรือธนาคารมีสิทธิเพียงแค่ยึดทรัพย์เท่านั้นค่ะ นั่นคือ ถ้าคุณมีความผิดข้อหาไม่ชำระหนี้บัตรเครดิต ทางเจ้าหนี้หรือธนาคาร จะฟ้องดำเนินคดีได้เท่านั้น แต่ถ้าทรัพย์ของคุณที่มี ที่ทางธนาคารต้องยึดนั้น ไม่เพียงพอกับหนี้สินของคุณ หรือหนี้สินของคุณมีค่ามากกว่าทรัพย์สินที่คุณถูกยึด จากกฎหมายบังคับคดี ทางเจ้าหนี้ หรือธนาคารจะติดตามยึดทรัพย์ของคุณถึง 10 ปี แต่ถ้าครบ10 ปี แล้วไม่มีทรัพย์ให้ยึด กฎหมายก็จะหมดอายุความ ทำให้คดีสามารถจบได้ เมื่อคดีและการตามยึดทรัพย์จากทางธนาคารครบ 10 ปีแล้ว
สำหรับคำสั่งที่ว่า ถูกจับ ถูกขังตามกฎหมาย คือ สภาพบังคับแล้ว คุณขัดขืนหมายศาล ขัดขืนการยึดทรัพย์ ไปกระทำการโต้แย้งต่าง ๆ ซึ่งจะถือว่าเป็นความผิดฐานขัดการดำเนินการตามการบังคับคดี คุณจะถูกจับ ถูกกักขังได้ เพราะเจ้าหนี้นั้นมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าศาลบังคับคดีมาแล้ว คุณไม่ควรไปขัดขืน หรือกระทำการขัดขวางการยึดทรัพย์ที่เป็นไปตามกฎหมาย ถ้ากระทำการขัดขวางจะถูกจับขังทันที
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเจ้าหนี้ทำการยึดทรัพย์ ไม่สมเหตุสมผล หรือไม่ตามความจริงที่คุณต้องชำระ เจ้าหนี้ตีราคาทรัพย์ที่ยึดจากคุณต่ำกว่าความเป็นจริง คุณก็สามารถไปคัดค้านได้ โดยการไปทำเรื่องฟ้องต่อศาล หรือปรึกษาทางด้านการเงิน และควรมีการจ้างทนายความด้วย เพื่อสามารถตรวจสอบและแก้ไขคดี และเป็นการช่วยคัดค้านการไม่สมเหตุสมผลของทางธนาคารที่จะยึดทรัพย์ของคุณ
บทสรุป : คุณจะไม่ถูกจับติดคุกได้ค่ะ เนื่องจากการเป็นหนี้บัตรเครดิตของคุณ ถือเป็นคดีแพ่งเท่านั้น ซึ่งก็เป็นคดีที่มีความผิดไม่หนัก คุณก็แค่ไปชำระหนี้สินก็พบแล้ว และอย่าไปขัดขืนเจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์หรือไปกระทำการใด ที่ไม่ดีเพราะอาจจะทำให้คุณถูกกักขังได้ ซึ่งก็เป็นไปตามตัวบทกฎหมายค่ะ
ข้อคิดในการใช้บัตรเครดิต
ถึงแม้ว่าการใช้บัตรเครดิตแล้วจะเพิ่มความสะดวกสบาย เป็นเงินสำรองในอนาคตได้ แต่ถ้าคุณใช้จนเพลิน จนลืมนึกไปว่า เป็นการสร้างหนี้ และเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้มากขึ้น ก็อาจจะทำให้ชีวิตของคุณพลิกผันได้ ดังนั้น ก่อนที่จะใช้บัตรเครดิตสักใบ แนะนำให้มองดูถึงความเหมาะสม ความต้องการและวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการใช้บัตรเครดิต ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจ ก็จะทำให้คุณมีความสามารถในการชำระคืนได้ แต่ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตเพื่อสนองตอบความต้องการของตัวเอง อย่างนี้รับรองว่าคุณจะไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ครบอย่างแน่นอนค่ะ เพราะการใช้บัตรเครดิต ถือเป็นการสร้างหนี้อย่างหนึ่ง ที่บางครั้งอาจจะสร้างหนี้ในจำนวนมากได้โดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น การใช้บัตรเครดิตให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ใช้ไปกับการลงทุน ใช้ไปกับการสร้างสภาพคล่องในธุรกิจจะดีกว่ากว่า นำไปใช้กับความต้องการส่วนตัวนะคะ และจงจำไว้ให้ดีว่า ยิ่งใช้บัตรเครดิต ยิ่งเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน