เพราะการมีเงินเก็บสำรองเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน อย่างน้อยก็จะช่วยให้อุ่นใจในยุคข้าวของที่แพงขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะหากเกิดเหตุที่ต้องใช้เงินเร่งด่วนก็จะทำให้คุณดึงเงินออกมาโดยไม่เป็นหนี้ใคร ซึ่งหลายมักจะคนมักบ่นกันว่ารายได้ในมือหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กลายเป็นสัญญาณเตือนภัย ให้ทุกครอบครัวทราบว่า เวลาแห่งการรักษาวินัยทางการเงินของครอบครัวมาถึงแล้ว มนุษย์เงินเดือนยุคเจน ที่ส่วนใหญ่ยังติดค่านิยมสุดหรู ทำให้อาจจะยังไม่รู้จักบริหารเงินเดือนได้ดีสักเท่าไหร่ เพราะบัณฑิตที่เพิ่งจบใหม่ ก่อนหน้านี้อาจจะแบมือขอเงินพ่อแม่ ทำให้ไม่รู้ว่าแต่ละครั้ง ตัวเองใช้มากน้อยขนาดไหน เมื่อมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง ซึ่งยังเกิดความเคยชิน มือเติบกับการจับจ่ายอยู่ เมื่อมีเงินเดือนที่ตนเองหามาได้ จึงไม่ค่อยนึกถึงเรื่องของการ “เก็บออม” เท่าใดนัก
อ่านเพิ่มเติม : เงินเดือนเท่าไหร่ ถึงจะอยู่รอดในสังคมเงินเฟ้อ ?
เงินสำหรับคุณพ่อคุณแม่
ข้อดีของเด็กเพิ่งจบคือ เมื่อเริ่มทำงานส่วนใหญ่จะยังไม่มีภาระหนี้สินเท่าไหร่ เพราะเพิ่งเริ่มเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน การวางแผนการใช้เงินนั้นถือว่าจำเป็นมาก การแบ่งค่าใช้จ่าย ให้พ่อแม่ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ท่านเลี้ยงดูคุณมา และเป็นเสมือนสิ่งที่แสดงให้ท่านเห็นคุณเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมจะดูแลตัวเองและดูแลพ่อแม่ได้แล้ว แม้ว่าท่านอาจไม่อยากได้เงินก้อนแรกของคุณ เพราะอยากให้มีเงินใช้จ่ายส่วนตัวมากกว่าก็ตาม แต่คุณก็ไม่ควรนิ่ง เพราะสุดท้ายท่านก็คงอยากเก็บเงินส่วนนี้ไว้ให้คุณอยู่ดี
ฝึกการเก็บเงินให้ซึมเข้าสายเลือด
หลายคนถูกเตรียมพร้อมสำหรับความอยากได้อยากมี พ่อแม่ของเด็กๆ จบใหม่หลายคน ต่างก็จัดให้ลูกได้เป็น”ลูกค้าชั้นดี” ของธุรกิจบัตรเครดิต กันเป็นว่าเล่น ซึ่งเพื่อความปลอดภัยของอนาคตทางการเงินของลูก ๆ สิ่งที่ควรบอกก่อนปล่อยให้ลูก ๆ ได้เผชิญชีวิตตัวเองก็คือ ควรเก็บเงินเดือนก้อนแรกให้เกิดความภาคภูมิใจที่สุด ส่วนใหญ่สิ่งที่ตามมาจากการได้รับเงินเดือนก้อนแรก มักจะหนีไม่พ้น ความอยากได้อยากมี เด็กที่เพิ่งทำงานมีเงินเดือนก้อนแรก มักจะวาดฝันอยากมีของสิ่งนั้นสิ่งนี้ ฯลฯ และก็พร้อมจะเอาเงินเดือนงวดแรกไปแลกกับมันมา บางคนกระหน่ำซื้อจนมารู้สึกตัวอีกที ก็กลายเป็นว่าติดนิสัยนี้ และเป็นคนไม่รู้จักเก็บเงินไปเลยก็มี พ่อแม่ควรสอนให้ลูก ๆ รู้จักเก็บเงินตั้งแต่อายุยังน้อยจะมีประโยชน์มากมาย เช่น ลองให้ลูกรู้จักแบ่งเงินเดือน ๆ ละ 2,000 บาท และให้ฝากประจำเอาไว้ เพราะเมื่อผ่านไป 1 ปี อย่างน้อย ๆ ก็มีเงินเก็บแล้วถึง 24,000 บาท
อย่าคิดว่า “ยังอีกตั้งนาน” ให้แบ่งส่วนหนึ่งไปลงทุน
เด็กที่เพิ่งทำงานจบใหม่ๆ วัยยี่สิบอัพ มักจะไม่ค่อยนึกถึงอนาคตตอนอายุ 30 – 40 ปี เพราะยังอยากเรียนรู้ อยากท่องเที่ยว อยากเห็นโลกที่ยังไม่เคยเห็น และอยากใช้ชีวิตให้สมใจ ฯลฯ หากให้เด็กกลุ่มนี้ฝากเงิน หรือมีการวางแผนการเงิน 10 – 20 ปีล่วงหน้า เขาคงมองว่าเป็นเรื่องที่ยาวนานและเสียเหลือเกินเพราะอีกตั้ง 10 – 20 ปีเลยล่ะ แต่หากตั้งใจที่จะฝากเงิน ก็ไม่ควรเก็บเงินแล้วฝากชีวิตไว้กับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากแบบออมทรัพย์ที่นับวันก็ยิ่งดิ่งลงเหว ควรมองหาการลงทุนที่ชื่นชอบดีกว่า สิ่งไหนที่น่าสนใจเพื่อนำมาพิจารณาบ้าง อย่างการซื้อทองคำ การซื้อกองทุนรวม การซื้อหุ้น การทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งหากไม่มีใครในครอบครัวทำมาก่อนเลย ก็อาจทำการเริ่มจากเงินก้อนเล็ก ๆ อย่างจองแผงขายเสื้อผ้า หรือขายอาหาร ก่อนจะขยายเป็นร้าน หรือลองซื้อกองทุนรวมก่อนจะขยายไปสู่การลงทุนในหุ้นใหญ่ รวมถึงการซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำก่อนจะขยายไปสู่การซื้อทองคำแท่งจริง ๆ ถึงตอนนั้นจะมานึกเสียดายเวลาว่าทำไมไม่เริ่มเก็บเงินไว้ตั้งแต่เมื่อเรียนจบ ไม่เช่นนั้นป่านนี้คงมีเงินเก็บอย่างน้อย ๆ เกือบสามแสนบาทไปแล้ว
ต้องมีวินัย ในการเก็บ
คุณจะต้องทำการแยกบัญชีเงินออมออกจากบัญชีสำหรับใช้จ่าย โดยจะต้องทำการแบ่งเงินออมทันทีเมื่อได้รับเงินเดือน ซึ่งคนทั่วไปควรออมอย่างน้อย 10% ของรายได้ โดยคุณเองก็จะต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าจะออมเดือนละกี่บาท แต่บางคนตั้งใจออมเงิน 50-70% เพราะมีเป้าหมายคือ อิสรภาพทางการเงิน แต่สำหรับเด็กจบใหม่และได้เงินเดือนก้อนแรก การออมเงินที่ 10-30% ต่อเดือนให้ได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ซึ่งในการออมเงินนั้น คุณจะต้องแบ่งส่วนเงินออมออกเป็นกองๆ ตั้งแต่เงินเดือนออก เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมาย และระยะเวลาของการออมเงินแต่ละกองให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น เงินออมแบบฉุกเฉิน หรือออมเพื่อการศึกษา ,ออมเพื่อการลงทุน เงินออมซื้อบ้าน/คอนโดเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งเงินออมที่ทุกควรมีเป็นอันดับแรกคือ “เงินออมฉุกเฉิน” เป็นเงินออมที่มีไว้ใช้จ่ายในกรณีที่คุณมีความจำเป็นต่อการใช้เงินโดยไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ หรือเงินหาย รวมถึงหากต้องออกจากงาน เป็นต้น
ลงทุนกับองค์กรที่คุณทำงานอยู่
หากบริษัทที่ทำงานของคุณมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็อย่าลืมศึกษาสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะได้รับไว้ให้ดี และควรเลือกลงทุนให้เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้คุณมีสิทธิได้รับเงินก้อนในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเงินออมเพื่อการลงทุนนั้น ปัจจุบันมีรูปแบบการลงทุนมากมายให้เลือกไม่ว่าจะเป็นหุ้น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวม หรือทองคำแท่ง ซึ่งการลงทุนนี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้คุณมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่จะได้มากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนที่คุณเลือก มันคงจะท้าทาย หากคุณสามารถสร้าง หรือ ทำการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งที่คุณมีตามแนวทาง มีทักษะในการเก็บออมให้พอกพูน ที่ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
ที่มา :