เห็นมีหลายคนมาบ่นกันมากว่าสมัครสินเชื่อที่ไหนก็ไม่เห็นจะได้รับการอนุมัติ สมัครไปตั้งหลายที่ยื่นเอกสารจนเบื่อก็ไม่เห็นได้สักทีและก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่ได้ แถมบางคนพาลไปโกรธเจ้าหน้าที่ธนาคารอีกว่า อยากเอาเงิน (ดอกเบี้ย) มาให้กลับไม่อยากได้
ก่อนอื่นเรามาดูขั้นตอนในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลของแต่ละธนาคารก็จะมีหลักเกณฑ์อยู่ อาจมีสิ่งที่เหมือนหรือแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยหลัก ๆ ก็จะมีดังนี้
อายุ
โดยมากอายุของผู้ที่สมัครสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคารกำหนดไว้ก็จะอยู่ที่ 20-60 ปี โดยธนาคารถือว่าอายุ 20 ปีเป็นอายุของคนที่ช่วงในช่วงวัยทำงานมีรายได้แล้ว และให้จนถึง 60 ปี เป็นปีของการเกษียณจากการทำงาน
เงินเดือน
หากผู้สมัครทำงานประจำมีรายได้รายเดือนที่มั่นคงแน่นอนก็มีโอกาสได้รับการอนุมัติ โดยธนาคารส่วนมากจะกำหนดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนไว้ที่ 15,000 บาท หากรายได้ต่ำกว่านี้ธนาคารคิดว่าลูกค้าอาจมีปัญหาที่จะต้องคืนหนี้ในอนาคต หากเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของกิจการที่ธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงในเรื่องรายได้มากกว่า ก็จะกำหนดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนไว้สูงกว่าที่ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน ยิ่งมีรายได้มาก โอกาสในการได้รับอนุมัติเงินกู้ก็จะยิ่งมีมากขึ้นตามไปด้วย เพราะรายได้เป็นสิ่งแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
หลักฐานที่ใช้สำหรับคนทำงานประจำก็จะเป็นสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน หากเป็นเจ้าของธุรกิจก็เป็นบัญชีธนาคารที่แสดงการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนเช่นเดียวกัน
อายุงาน
อายุงานมีผลกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลด้วย โดยปกติธนาคารจะกำหนดไว้ว่าอายุงานสำหรับที่ทำงานปัจจุบันต้อง 6 เดือน หากเพิ่งเปลี่ยนที่ทำงานทำงานมายังไม่ครบ 6 เดือน ก็คงต้องรอให้ครบ 6 เดือนก่อน จึงจะขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้ อายุงานก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะแสดงความมั่นคงในการทำงานและรายได้ของผู้สมัครสินเชื่อได้ ยิ่งทำงานมานานก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอนุมัติมากขึ้น
ประวัติเครดิตบูโร
ธนาคารจะเช็คประวัติหนี้ในเครดิตบูโรของผู้สมัครเพื่อดูถึงยอดหนี้รวมทุกประเภท และประวัติในการชำระหนี้ในอดีตที่ผ่านมา หากมีหนี้มากเมื่อรวมกับหนี้ก้อนใหม่แล้วธนาคารไม่มั่นใจว่าจะผู้สมัครจะสามารถชำระหนี้คืนได้หรือไม่ ธนาคารอาจปฏิเสธคำขอสินเชื่อได้ เช่นเดียวกันเรื่องของประวัติในการชำระหนี้ หากลูกหนี้เคยมีประวัติการชำระหนี้ที่ล่าช้าบ่อย ๆ หรือเคยมีหนี้เสีย หรือมีประวัติค้างชำระกับทางธนาคารก็อาจไม่อนุมัติสินเชื่อให้เช่นเดียวกัน
เอกสารครบถ้วน
เมื่อสมัครสินเชื่อส่วนบุคคล หากอยากให้ผ่านในครั้งแรก ควรต้องจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน อย่าให้ขาดตก เพราะจะทำให้ขั้นตอนล่าช้าไป เพราะต้องมาตามเอกสารเพื่อยื่นขออนุมัติใหม่อีกทำให้เสียเวลา
ที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง
การมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เช่น มีชื่อในทะเบียนบ้านเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะทำให้การขอสินเชื่อเราได้รับอนุมัติเร็วขึ้น เช่น ที่อยู่ในทะเบียนบ้านกับที่อยู่ปัจจุบันเป็นที่อยู่เดียวกัน เป็นต้น การอยู่ในบ้านเช่า หอพัก หรืออพาร์ทเมนต์ อาจมีผลทำให้บางธนาคารลังเลที่จะให้เงินกู้ได้ เนื่องจากหากมีปัญหาไม่สามารถคืนหนี้ได้ก็ไม่ทราบว่าจะไปตามคืนได้ที่ใคร หรือไปตามที่ไหน
เบอร์โทรศัพท์บ้านหรือที่ทำงาน
การสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อให้ได้รับการอนุมัติจะต้องมีเบอร์โทรศัพท์บ้านหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ทำงานที่ไม่ใช่เป็นเบอร์มือถือ แจ้งให้กับธนาคารด้วย เหตุผลเดียวกันเรื่องของที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง ก็คือ ธนาคารมองว่าหากหนี้มีปัญหาจะต้องมีช่องทางในการติดต่อลูกหนี้เพื่อติดตามหนี้ได้ด้วย มือถือเปลี่ยนกันง่าย แต่เบอร์บ้านหรือเบอร์ที่ทำงานไม่สามารถเปลี่ยนได้ง่าย ธนาคารจึงต้องการเบอร์บ้านหรือเบอร์ที่ทำงานมากกว่า
หลักเกณฑ์ในการอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลของแต่ละธนาคารก็จะแตกต่างกันไปในรายละเอียดขึ้นอยู่กับนโยบายการให้สินเชื่อในขณะนั้นของแต่ละธนาคารด้วย เช่น เรื่องวงเงินที่อนุมัติ บางครั้งเราสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลไปที่ธนาคารหนึ่งอาจได้รับวงเงิน 2 เท่าของเงินเดือน ในขณะที่อีกธนาคารอาจให้ถึง 3 เท่าของเงินเดือนก็ได้ ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน
เมื่อเราได้ทราบแล้วว่าธนาคารมีขั้นตอนต่าง ๆ ในการพิจารณาเพื่ออนุมัติสินเชื่อให้กับผู้สมัครทุกคน โดยธนาคารจะต้องดูอย่างละเอียดในส่วนของเราซึ่งเป็นผู้สมัคร เราควรคิดว่าขั้นตอนที่ธนาคารพิจารณาสินเชื่อของเรานี้ ถือเป็นการช่วยเราอยู่เหมือนกัน เพราะบางครั้งเราเองก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราจะสามารถชำระหนี้คืนได้หรือไม่ ทุกคนก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าเราสามารถชำระคืนได้อย่างแน่นอน ในขณะที่ขั้นตอนของธนาคารจะมีความเป็นมาตรฐานมากกว่า ไม่ได้เข้าข้างลูกค้าคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ธนาคารพิจารณาไปตามข้อมูลและเอกสารของลูกค้า
หากเราถูกปฏิเสธการอนุมัติ นั่นก็หมายความว่า ธนาคารมีความลังเลและสงสัยในความสามารถที่จะชำระหนี้ของเรา เราเองก็ควรยอมรับถือว่ามีคนช่วยเราดู เราก็กลับมาดูตัวเราว่าเราอาจจะเพิ่งเริ่มทำงานมีรายได้ไม่มากนัก แม้จะถึงหลักเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดไว้ก็จริง แต่การกู้ไม่ผ่านก็หมายถึงต้องมีจุดไหนที่ทำให้ธนาคารไม่มั่นใจในตัวเรา เราก็ต้องรอเวลาทำงานไปอีกสักพักให้มีรายได้มากขึ้น มีความมั่นคงมากขึ้น แล้วค่อยไปขอสินเชื่อในตอนนั้นก็ยังไม่สาย แต่หากธนาคารอนุมัติเงินกู้ให้เราก็หมายความว่าธนาคารมองแล้วว่าการเงินของเราไม่มีปัญหา ให้กู้ได้ คนนี้กู้ไปแล้วน่าจะคืนเงินได้