เชื่อว่า กิจกรรมหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือนแทบทุกคนมักจะทำกัน ก็คือ การแบ่งใช้จ่ายเงิน โดยหวังว่าจะช่วยให้มีเงินเก็บในบัญชีเยอะขึ้นมาบ้าง
การแบ่งใช้จ่ายเงินอย่างเป็นระบบ สำหรับบางคนก็สามารถทำได้อย่างไร้ปัญหา แต่อีกหลาย ๆ คน ต้องประสบปัญหาว่า แม้จะพยายามแบ่งใช้จ่ายเงินสักเท่าใด ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยให้มีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นเลย หนำซ้ำ บางเดือนยิ่งแบ่งจ่ายมาก กลับยิ่งมีเงินเก็บเหลืออยู่น้อย จนเริ่มบังเกิดความท้อใจและหันไปใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยเช่นเดิม โดยคิดว่าเก็บเท่าไรก็ไม่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ไม่เก็บมันซะเลยจะดีกว่า
ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาดูข้อผิดพลาดของการแบ่งเงินใช้จ่ายกัน ว่าเพราะเหตุใด ทำไมเงินเก็บจึงยังมีอยู่น้อย แม้จะประหยัดอย่างสุด ๆ แบ่งจ่ายเงินแบบละเอียดยิบก็ตาม
1 ข้อผิดพลาดอย่างแรกที่ผู้กำลังแบ่งใช้จ่ายเงินหลายคนมักจะเป็น นั่นก็คือ การเลือกที่จะเอาเงินไปใช้จ่ายก่อน แล้วที่เหลือค่อยเก็บ
ขอบอกเลยว่าพฤติกรรมเช่นนี้จะส่งผลให้เกิดการใช้เงินแบบไม่ลืมหูลืมตาขึ้นมา จนพอใช้จ่ายไปเพลิน ๆ สักพักหนึ่งก็พบว่า ไม่มีเงินเหลือเก็บอยู่เลยแม้แต่บาทเดียวหรือถึงจะเหลือก็น้อยมาก จนไม่สามารถนำไปใช้ทำอะไรได้ แม้จะเอาเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินก็ตาม สิ่งที่ต้องแก้ไขก็คือ เปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ จากใช้ก่อนเก็บทีหลัง มาเป็นเก็บก่อนใช้ทีหลัง โดยอาจจะแบ่งเงินออกเป็นส่วน ๆ เช่น 20% เป็นค่าน้ำค่าไฟ 30% เป็นค่ากิน ค่าอยู่ 40% เป็นเงินเก็บสำหรับฉุกเฉิน และ 10% สำหรับซื้อของตามใจชอบ เป็นต้น อย่าเพิ่งรีบใช้เงินในทันที เท่านี้ เราก็จะมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งแล้ว
2 ข้อผิดพลาดประการต่อมา สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะแบ่งจ่ายเงิน ข้อนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่กลับกันกับข้อแรกแบบสุดโต่งเลยทีเดียว นั่นก็คือ การแบ่งเงินแบบยิบย่อยมากเกินไป จนไม่พอที่จะนำออกมาใช้ได้จริง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ บางคนเก็บเงินเป็นสิบบัญชี แต่ละบัญชีก็ใส่เงินเอาไว้นิดหน่อย โดยหวังที่จะควบคุมพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองแบบเข้มงวดที่สุด ขอบอกเลยว่าเป็นวิธีการที่ผิดอย่างมหันต์ เนื่องจากการทำให้ใช้เงินได้อย่างยากลำบากเกินไป ย่อมส่งผลให้เราตบะแตกได้ในสักวันหนึ่ง วิธีแก้ไขก็คือควรมีการจัดระบบการฝากเงินให้มีความสะดวกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เอื้อต่อการออมของเราด้วย เช่น เราอาจจะแบ่งบัญชีเป็น บัญชีรับเงินเดือน บัญชีสำหรับเก็บเงินเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องเปิดบัตร ATM และบัญชีสำหรับใช้จ่าย ที่มีทั้ง ATM, บัตรเดบิต, Internet Banking อย่างครบถ้วนก็ได้ ไม่ต้องเน้นออมอย่างสุดโต่งเกินไปเพื่อที่จะได้เก็บเงินได้อย่างยั่งยืน ไม่เกิดอาการตบะแตกขึ้นในภายหลัง
3 อีกข้อผิดพลาดหนึ่ง ที่เชื่อว่าใครหลายคนคงจะกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ก็คือ ไม่ทำรายรับ-รายจ่าย ในแต่ละวัน โดยคิดว่า ไม่เป็นไรหรอก เรามีเงินเก็บเอาไว้อยู่แล้ว
ซึ่งต้องบอกเลยว่า บัญชีรายรับ-รายจ่าย ที่หลายคนคิดว่าไม่สำคัญ จริง ๆ แล้วมันสำคัญมาก เนื่องจากการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายจะทำให้เรารู้ได้ว่าในเดือน ๆ หนึ่ง เราหมดเงินไปกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้างและสามารถสืบต่อไปได้ ว่าค่าใช้จ่ายใดเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและค่าใช้จ่ายใดเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ยิ่งถ้าเราสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้ เงินเก็บก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายนี้ จะต้องทำติดต่อกันทุกเดือนด้วยนะ อย่าทำ ๆ หยุด ๆ เพราะจะทำให้การเก็บเงิน แบ่งจ่ายเงิน ไม่มีประสิทธิภาพ
4 ข้อผิดพลาดประการสุดท้ายของคนที่กำลังแบ่งจ่ายเงินอยู่และดูเหมือนจะเป็นข้อที่ใครหลาย ๆ คน ไม่ทันนึกถึง ก็คือ ไม่แบ่งเงินไปลงทุนเลย เอาแต่กิน ใช้ แล้วก็เก็บ วนไปวนมาอยู่อย่างนี้
ปัญหานี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่มันย่อมส่งผลเสียต่อผู้แบ่งจ่ายเงินในระยะยาว เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทุกวัน ๆ ซึ่งย่อส่งผลให้ค่าใช้จ่ายแพงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เงินก็เก็บได้เท่าเดิม ไม่มีการงอกเงยขึ้น กลายเป็นว่าในอนาคตเราอาจจะไม่มีเงินเก็บเหลืออยู่เลย วิธีแก้ไขปัญหาข้อนี้ ก็คือ ขอให้ผู้ที่กำลังเก็บเงิน แบ่งจ่ายเงิน ลองหาช่องทางการลงทุนใหม่ ๆ ดูบ้าง อาจจะลองเล่นหุ้น ซื้อของมีค่ามาเก็งกำไรดู หรือลงทุนในช่องทางอื่น ๆ ที่เอื้อให้เราสามารถลงทุนได้เพื่อที่เงินจะได้เกิดการงอกเงย ไม่หยุดนิ่งหรือดิ่งลงในอนาคต ทั้งนี้ ในการแบ่งเงินมาลงทุน เจ้าของเงินก็ควรมีการประมาณจำนวนเงินที่คิดว่าจะเหลือเก็บเอาไว้ด้วย อย่าเอาเงินมากระหน่ำลงทุนเสียหมด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง หากเกิดความผิดพลาดในการลงทุนขึ้นมาจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปกับการลงทุนมากนัก
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ ก็คือ ข้อผิดพลาดในการแบ่งใช้จ่ายเงินที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนมักจะทำผิดกันอยู่บ่อย ๆ หวังว่าเมื่อมนุษย์เงินเดือนคนใดได้อ่านบทความนี้จนจบ คงจะพอจะรู้แล้ว ว่าตนเองมีข้อผิดพลาดในการแบ่งใช้จ่ายเงินตรงจุดไหนบ้าง แล้วนำไปปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองเพื่อให้มีการแบ่งใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ง่าย จ่ายคล่อง มีเงินเก็บเหลือต่อไป