บ่อยครั้งที่การวางแผนการลดหย่อนภาษีสิ้นปีเรามักจะได้ยินคนพูดถึงเรื่องประกันชีวิต ดอกเบี้ยซื้อบ้าน กองทุนรวม LTF และ RMF แล้วเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า กองทุนรวม LTF และ กองทุนรวม RMF แตกต่างกันยังไง เพราะบางครั้งเราก็สนใจแต่เรื่องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี โดยไม่ได้สนใจหลักการของกองทุนรวม LTF และ RMF แต่ละประเภท เพื่อทำให้เราเข้าหลักการลงทุนของกองทุนทั้งสองประเภท และสามารถเลือกลงทุนได้เต็มประสิทธิภาพของกองทุน
เริ่มที่กองทุนรวม LTF ก่อนดีกว่านะ เอาชื่อเต็มก็คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund : LTF) มีหลักเกณฑ์ในการลงทุน คือ สามารถซื้อกองทุนรวม LTF ได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี หรือสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งเป็นประกาศที่ปรับปรุงใหม่ ที่ไม่ค่อยมีผลกระทบกับมนุษย์เงินเดือนสักเท่าไร เพราะสรรพากรเพียงแต่กำหนดให้ชัดเจนขึ้นว่า ฐานที่จะใช้คำนวณเงินที่ซื้อกองทุนรวมนั้นเป็นอะไรได้บ้าง เพราะกฎหมายฉบับเดิมเราสามารถเอาเงินรางวัลจากสลากกินแบ่ง เงินมรดกส่วนที่ไม่เกิน 100 ล้านบาท หรือเงินกำไรจากการขาย LTF มาเป็นฐานคำนวณสิทธิในการซื้อกองทุนรวม LTF ได้ แต่กฎหมายใหม่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นไปไม่สามารถทำได้
สำหรับระยะเวลาการลงทุนในกองทุนรวม LTF คือ 5 ปีปฏิทิน นับจากวันที่ซื้อ แล้ว 5 ปีปฏิทินเค้านับกันยังไงล่ะ ปีปฏิทินจะนับกันอย่างนี้เลย เช่น เราซื้อกองทุนรวม LTF เดือนวันทำการวันสุดท้ายของเดือนธันวาคม 2557 นับไป 5 ปีปฏิทิน ก็คือ วันทำการแรกของปี 2561 เราก็สามารถขายกองทุนรวม LTF ได้ทันที ซึ่งถ้าหากว่านับระยะเวลาการลงทุนจริง จริง ของกองทุนที่เราซื้อจะมีระยะเวลาเพียง 3 ปี นิด นิด เท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้เองมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จึงชอบลงทุนในกองทุนรวม LTF กัน เพราะเงื่อนไขน้อยและใช้เวลาในการลงทุนไม่มาก
เมื่อพฤติกรรมการซื้อกองทุนรวม LTF จะเป็นแบบนี้ในทุก ทุก ปี จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้เราเห็นว่ากองทุนรวม LTF จะมีราคาสูงขึ้นมากในช่วงปลายปี เพราะใกล้สิ้นปีมีคนมาซื้อกองทุนรวม LTF กันมากแสดงว่ามีเงินไหลเข้ากองทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้ Fund Manager มีเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้ SET Index สูงขึ้น และก็ส่งผลให้ราคาของกองทุนรวม LTF สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นกองทุนที่อ้างอิงอยู่กับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index
หลังจากที่เราเข้าใจหลักการของกองทุนรวม LTF แล้ว สิ่งที่น่าสนใจ คือ เราก็ไม่น่าที่จะไปซื้อกองทุนรวม LTF ตอนสิ้นปี หรือในเดือนธันวาคม เพราะเราจะได้ของแพงเกินไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุด คือ การวางแผนการซื้อกองทนุรวม LTF ตั้งแต่ต้นปีเพราะเราน่าประมาณการรายได้ของเราอย่างคร่าว คร่าว โดยใช้ปีที่ผ่านมาเป็นเกณฑ์ แล้วเริ่มทยอยซื้อในระหว่างปีดีกว่าที่จะไปซื้อทั้งก้อนตอนปลายปีน่าจะดีกว่าว่ามั้ย….
สำหรับอีกกองทุนหนึ่ง คือ กองทุนรวม RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund : RMF) เป็นกองทุนรวมที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการออมเพื่อการเกษียณ เพิ่มเติมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเอกชน หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) โดยสิทธิในการซื้อกองทุนรวม RMF คือ ลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 3% และสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี หรือสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อเอากองทุน RMF บวกกับ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และเงินประกันชีวิตแบบบำนาญ ถ้าหากรวมกันทั้ง 3 ตัวเกิน 500,000 บาท เราจะต้องเอาส่วนที่เกินไปหักออกจากกองทุน RMF
สำหรับระยะเวลาในการลงทุนของกองทุน RMF นั้นบังคับให้ถือไปจนกว่าจะมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ด้วย นั่นหมายความว่า เราจะขายกองทุน RMF ได้เมื่อถึงวันเกิดในปีที่ 55 ของเรา และต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปีเต็มและเป็นจำนวนเงินที่เท่ากันทุกปี แต่มีอนุโลมให้ยกเว้นการลงทุนได้ 1 ปี เพราะอย่างที่บอกกองทุนรวม RMF เป็นกองทุนเพื่อการออมไว้ใช้หลักเกษียณ ดังนั้นจึงต้องบังคับเงื่อนไขให้เป็นแบบที่ว่า…เพื่อความมั่งคั่งของเราในยามแก่
ถึงแม้ว่ากองทุน RMF จะมีเงื่อนไขการลงทุนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก วุ่นวายมากกว่า กองทุน LTF แต่ข้อดีของกองทุน RMF คือ มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายกว่ากองทุน LTF ที่ลงทุนแต่ในหุ้นเพียงอย่างเดียว เพราะเงื่อนไขของกองทุน RMF กำหนดไว้ว่าห้ามขายก่อนครบอายุ 55 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ได้ห้ามสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน RMF ด้วยกัน ซึ่งหากเราลงทุนในกองทุน RMF ที่เป็นตราสารทุน หากเราเริ่มเห็นตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตอะไรสักอย่างในช่วงนั้น เราก็อาจจะสับเปลี่ยนไปเป็นกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดเงิน หรือตราสารหนี้แทนก็ได้ เพื่อลดความเสี่ยงในเงินออมของเรา
หลังจากที่เราได้รู้ถึงหลักเกณฑ์ และหลักการของ กองทุนรวม LTF กับ RMF แล้วก็ลองศึกษากองทุนทั้ง 2 ของบริษัทจัดการกองทุนแต่ละรายดูล่ะกันว่า เราชอบหรือถูกใจการบริหารกองทุนของบริษัทไหน แล้วก็เลือกลงทุนในแบบที่ต้องการกันได้เลย แต่ที่สำคัญเราจะต้องวางแผนทางการเงินของเราดีด้วย เพราะการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF นั้น เป็นการลงทุนระยะยาวที่เราจะต้องประเมินตัวเองว่าถ้านำเงินไปลงทุนแล้วเราจะไม่เดือนร้อน เพราะไม่เช่นนั้นการลงทุนนี้ก็จะไม่ได้เป็นประโยชน์กับเราเลย…..