ว่ากันว่า คนที่ค้นหาความถนัด หรือ สิ่งที่ตนเองชื่นชอบจนพบได้เร็วกว่า คน ๆ นั้นก็มักจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ไวกว่าคนอื่น ๆ เช่นกัน เพราะการที่คนเราได้ทำในสิ่งที่ตนเองสนใจและรักในงานที่ทำนั้น ผลงานของเขาก็ย่อมต้องออกมาดีด้วย และสิ่งที่มากไปกว่าความสามารถในการทำงานนั้น ๆ ให้สำเร็จได้อย่างต้องการ ก็คือการรู้จักพิจารณามองหาช่องทางการทำธุรกิจ หรือที่เรียกว่า ไอเดียรวย ด้วยการคว้าโอกาสทองที่ผ่านเข้ามาแล้วจับมันเอาไว้ให้มั่น เฉกเช่นเดียวกับที่ ไมเคิล บลูมเบริ์ก เคยประสบความสำเร็จมาแล้วค่ะ
แรกเริ่มเดิมทีสมัยปี 1970 นั้น ไมเคิล บลูมเบริ์ก เป็นนักธุรกิจแถวถนนวอลสตรีท ย่านนักลงทุนในตลาดการเงินของแท้ ย่านที่คนรวยขับรถราคาคันละเป็นล้าน คำแนะนำจากคนที่นั่งรถประจำทางมาทำงาน และที่แห่งนั้นเองค่ะ ทำให้ บลูมเบิร์ก รู้ในทันทีว่า อุปทานหรือความต้องการซื้อของคนเรานั้นไม่มีอะไรคาดเดาหรือคาดคิดได้เลย เพราะนักลงทุนเกือบทุกคนที่นี่ยอมเสียเงินจำนวนมาก ๆ ให้กับสื่อต่าง ๆ เพื่อแลกกับข้อมูลทางการเงินที่น่าเชื่อถือ โดยที่นักลงทุนเหล่านั้นก็จะได้นำข้อมูลที่ได้มาใช้วิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจทางการเงินของพวกเขากันต่อค่ะ ทันทีที่บลูมเบีร์กพบช่องทางของธุรกิจใหม่ โอกาสพารวยของเขามาถึงตรงหน้าแล้ว เขาก็ไม่รอรีที่จะเปิดเกมลุกใส่ตลาดค้าข้อมูลนี้ บลูมเบิร์กตัดสินใจเปิดบริษัทเพื่อขายข้อมูลทางการเงินที่เชื่อถือได้และสำคัญต่อการลงทุน โดยข้อมูลจะถูกส่งผ่านทางระบบอินเตอร์เนตเท่านั้น จุดนี้เองทำให้เขามีรายได้มากกว่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือไม่น้อยกว่าปีละสามแสนล้านบาทค่ะ มากมายมหาศาลจริง ๆ ค่ะ ความสำเร็จของสื่อในชื่อ Bloomberg นั้น จัดได้ว่าเป็นบริษัทที่ให้ข้อมูลด้านการเงินที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในโลกเลยค่ะ ซึ่งทำให้ตัวเขาเองมีรายได้รวมสูงถึง ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่าหมื่นล้านบาทเลยนะคะ รวยจริง ๆ
นอกจากวิสัยทัศน์ที่ตีโจทย์แตกว่า จะต้องจับตลาดการค้าข้อมูลให้อยู่หมัดแล้ว หมัดเด็ดที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะคาดไม่ถึงก็คือ ความสำเร็จนี้มาจากกาแฟ 4 ถ้วยในทุก ๆ วัน คุณ ๆ อาจจะงงว่าเขาดื่มกาแฟมากถึง 4 แก้วไปเพื่ออะไร ที่จริงแล้วเคล็ดลับนี้คือการที่เขามักจะซื้อกาแฟ 4 ถ้วยในทุก ๆ เช้าแล้วก็เลือกที่จะเดินเข้าไปหาคนที่เขาคิดว่าคนนั้นต้องมีคำแนะนำ หรือมุมมองดี ๆ แน่ ๆ หรือไม่ก็คน ๆ นั้น น่าจะสนใจในสินค้าของเขา แล้วจากนั้นเขาก็จะเสนอกาแฟแก้วในมือให้เป้าหมายดื่มฟรี ๆ เพื่อเปิดบทสนทนาและเปิดโอกาสในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันค่ะ เขามองว่า จะมีสักกี่คนกันที่จะปฏิเสธกาแฟหอม ๆ ในช่วงเช้า และเมื่อยกดื่มขึ้นแล้วก็มักจะเกรงใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มักจะยอมให้ข้อมูลที่เขาต้องการกลับมาทุกรายค่ะ บลูมเบิร์กยังยอมรับอีกด้วยว่า ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจ คุณต้องเชื่อสิ่งที่อยู่ในใจของคุณแล้วใช้สมองในการตัดสิน เข้าตำราเดียวกับที่เขาว่า Learn by book, do by heart ก็คือการนำสิ่งที่เราเคยเรียนรู้ในตำราต่าง ๆ มาใช้และทำตามสัญชาตญาณของตัวเราเองบ้าง บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องทำตามสูตรตามตำราไปซะทุกอย่าง ความสำเร็จและการก้าวไปข้างหน้าต้องอาศัยการพลิกแพลงด้วยเช่นกันค่ะ
อีกเปลือกที่กะเทาะออกมาจาก ไอเดียรวย ที่ประสบความสำเร็จของมหาเศรษฐีระดับโลก คนนี้ก็คือ คุณต้องอยู่ในจุดที่สูงกว่าคู่แข่งของคุณเสมอ เพราะการที่เราได้โอกาสดี ๆ นั้นย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ แล้วทีนี้วิธีง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถล้วงข้อมูลเด็ด ๆ ได้ไวก่อนใครก็คือ ต้องไปถึงที่หมาย หรือ ที่ทำงานเป็นคนแรกและกลับออกมาเป็นคนสุดท้ายเสมอค่ะ เรียกได้ว่าเรื่องอะไรก็ไม่มีทางหลุดผ่านหูตาของคุณไปได้แน่ ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ความสำเร็จของใคร ๆ ก็ไม่มีทางที่จะราบรื่นไร้อุปสรรคแน่นอน สำหรับเขาก็เช่นกัน แต่เขามองว่าเมื่อเกิดมาครั้งหนึ่งและชีวิตคนเรานั้นก็ไม่ได้ยืนยาวอะไรกันนัก ถ้าเขามัวแต่กังวล ไม่แน่ใจ กลัวล้มกลัวพลาดก็เท่ากับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรมากขึ้นเลยในแต่ละวัน ดังนั้น เขาจึงมักเลือกที่จะลองเสี่ยงดูดีกว่าที่จะนั่งคิดเอาเองเฉย ๆ ค่ะ สิ่งที่สำคัญมากกว่าการผิดพลาดในแต่ละครั้งก็คือบทเรียนที่เราได้รับและเราจะไม่ล้มลงในแบบเดิม ๆ กับเรื่องเดิม ๆ อีกต่างหากหล่ะคะที่สำคัญ
นอกจากความสามารถของตัวเขาเองแล้ว บลูมเบิร์กยังแนะนำว่าคนเราทุกคนล้วนมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป คนบางคนก็อาจจะเก่งหรือมีความสามารถกับบางเรื่องได้ดีมากกว่าเรา ดังนั้น คุณจึงควรมองหาคนเก่ง ๆ คนนั้นให้เจอแล้วชักชวนเขามาเข้าทีมของคุณซะ ที่สำคัญ จงใช้คำว่า “เรา” กับทีมงานและหุ้นส่วนของคุณเสมอ ๆ เชื่อสิว่า งานต่าง ๆ ของคุณจะราบรื่นและคล่องตัวขึ้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ นับว่าเป็นเทคนิคสร้างธุรกิจให้รวยอย่างมั่นคงที่เมื่อกระเทาะออกแล้วก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เราจะนำไปใช้กันบ้างเลยนะคะ ไม่เชื่อก็ต้องลองกันดูค่ะ