สภาวะหนี้ที่ไม่ได้ก่อนเกิดรายได้ของคนส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการไม่มีระเบียบแบบแผนในชีวิตที่ดี ว่าเวลาใดควรจะออม เวลาใดถึงค่อยจ่าย การออมผู้เขียนได้กล่าวเน้นยํ้าบ่อยครั้งในช่วงระยะเวลานี้ เพื่อเตือนให้ผู้อ่านได้เริ่มหันมาออม เพราะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนักในช่วงเวลานี้ วงในที่ผู้เขียนได้เข้าไปนั่งพูดคุยด้วยก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปีนี้เผาจริง” จึงทำให้ผู้เขียนอยากจะเห็นผู้อ่านได้เริ่มต้นปีด้วยการออม แต่การออมที่ดีนั้นไม่ได้เริ่มจากการเก็บเงินไว้เยอะๆเพียงเท่านั้น แต่การออมควรจะต้องสร้างวินัยในการลงทุนอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินและไปถึงเป้าหมายทางการเงินที่ดีที่สุด
การออมและการลงทุนควรควบคู่กันไป การลงทุนไม่ได้จำกัดเพียงแค่การฝากเงินและรอผลจากดอกเบี้ย แต่ต้องนำเงินบางส่วนที่ออมไปลงทุนที่ก่อเกิดรายได้ เช่น กองทุนรวม หรือ การลงทุนในหุ้น แต่เมื่อกล่าวถึงการลงทุนในหุ้น อาจจะเป็นเรื่องที่ผู้อ่านอาจจะมีประสบการณ์อยู่บ้างแล้ว หรือาจจะเคยสูญเสียเงินไปกับการลงทุนในหุ้นไม่มากก็น้อย เนื่องจากการลงทุนในหุ้น ผู้ลงทุนจะต้องมีการศึกษาข้อมูลผลประกอบการของหุ้นนั้นๆ รวมถึงการเข้าถึงสภาวะของตลาดในช่วงระยะเวลานั้น รวมถึงปัจจัยต่างๆที่อาจจะส่งผลถึงราคาหุ้น หลายๆอย่างส่งผลต่อผู้ลงทุนที่อาจจะสร้างกำไรและสูญหายของเงินได้ แต่ทั้งนี้ปัจจัยส่วนตัวของนักลงทุนที่มักผิดพลาดในการลงทุนในหุ้นนั้น คือ การลงทุนในหุ้นแบบผิดๆประกอบด้วย
เลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยง
การลงทุนในหุ้นผู้ลงทุนมักจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีผลตอบแทนที่สูง แต่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งพอ หรือไม่มีการเติบโตตามที่คาด ประกอบกับหุ้นตัวนั้นอยู่ในความเสี่ยงไม่สามารถทนทานต่อวิกฤติในช่วงเวลานั้นได้ ก็จะส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนได้ ทางออกของการเลือกหุ้นให้ตรงกับความเหมาะสมและอยู่ในความเสี่ยงตํ่านั้น สามารถเลือกที่จะย้ายการลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไปที่การลงทุนแบบหุ้นกองทุนรวม โดยที่สถาบันการเงินจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้เสนอหุ้นที่มีความสเี่ยงตํ่าแต่ผลตอบแทนที่สมํ่าเสมอ แหมจะไม่หวือหวาเหมือนหุ้นบางตัวหรือพูดง่ายหุ้นปั่นทั้งหลาย ที่ในวงการเรียกว่า “หุ้นสายแปด” ดังนั้นการลงทุนในหุ้นสำหรับมือใหม่หากใจไม่แกร่งจริงหรือไม่เคี่ยวในตลาดจริงอย่าเข้าไปเสี่ยง เพราะนักลงทุนหลายคนต้องพ่ายแพ้ให้กับตลาดมาไม่น้อย แต่ทั้งนี้หากคุณอยู่ในตลาดหุ้นแล้ว สิ่งที่ควรจะพิจารณาหุ้นแต่ละตัว ควรจะศึกษาข้อมูลพื้นฐานของหุ้นนั้นๆให้ดี รวมถึงผลประกอบการที่ผ่านมาว่ามีสัดส่วนการเติบโตที่ผิดสังเกตุหรือไม่ ประกอบกับการติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้ผู้ลงทุนในหุ้นมีข้อมูลประกอบการพิจารณาซื้อหุ้น
ลงทุนผิดจังหวะ (ผิดเวลา)
ท่ามกลางตลาดที่มีความผันผวน ทำให้นักลงทุนหลายคนเดินจังหวะการลงทุนที่ผิดพลาดเพราะไม่รู้ว่าควรจะเข้าตลาดหรือออกจากตลาดในช่วงไหน โดยเฉพาะในจังหวะที่ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เช่น ในช่วงต้นปี 2558 ที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนอย่างหนัก ซึ่งหากตลาดมีแนวโน้มขึ้นลงอยู่ตลอด ซึ่งที่นักลงทุนควรจะทำคือ การลงทุนแบบวิธี Dollar Cost Average (DCA) หรือที่เรียกว่าการลงทุนแบบทยอยลงทุน ซึ่งวิธีการที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถทำการสะสมหน่วยลงทุนที่มีราคาถูกในจำนวนที่มากขึ้น โดยการเข้าทยอยเข้าซื้อในจังหวะที่ตลาดอยู่ในช่วงขาลง และช่วยสร้างโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น แต่ในมุมกลับกันของสภาพตลาดที่ขาขึ้น ผู้ลงทุนจะสามารถสะสมหน่วยลงทุนด้วยต้นทุนเฉลี่ยที่มีอัตราถูกกว่าการลงทุนด้วยเงินก้อนเดียวแบบการซื้อครั้งเดียวแล้วจบ เพื่อให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จะทำการเปรียบเทียบให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นระหว่างการลงทุนแบบเงินก้อน และการลงทุนแบบเฉลี่ยประจำ ในจำนวนเงินที่เท่ากัน ต่อเนื่องภายใน 5 ปี
1. ลงทุนแบบเงินก้อน 60,000 ทุกปี ระยะเวลา 5 ปี ด้วยเงินทั้งหมด 300,000 บาท
YEAR | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | 2558 | TOTAL |
จำนวน | 60,000 | 60,000 | 60,000 | 60,000 | 60,000 | 300,000 |
ราคาหน่วยสิ้นปี | 12.8338 | 16.7185 | 16.6046 | 21.7497 | 22.6722 | |
หน่วยได้รับ | 4,675 | 3,588.84 | 3,613.46 | 2,758.66 | 2,646.41 | 17,282.5 |
จะเห็นว่าจำนวนหน่วยที่ได้รับทั้งหมดจะอยู่ที่ 17,282.52 หากในราคาต่อหน่วยสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 22.6722 บาท จะมีมูลค่าทั้งหมด 391,833 บาท
2. ลงทุนแบบเฉลี่ยทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาท 1 ปี 60,000 บาท 5 ปี 300,000 บาท
YEAR | 2554 | 2555 | 2556 | 2557 | 2558 | TOTAL |
จำนวน | 60,000 | 60,000 | 60,000 | 60,000 | 60,000 | 300,000 |
ราคาเฉลี่ย | 10.1375 | 14.3303 | 16.5951 | 18.8762 | 24.8392 | |
หน่วยได้รับ | 5,918.59 | 4,186.92 | 3,615.52 | 3,178.61 | 2,415.54 | 19,315.18 |
จะเห็นว่าจำนวนหน่วยที่ได้รับทั้งหมดจะอยู่ที่ 19,315.18 หากในราคาหน่วยสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 22.6722 บาท จะมีมูลค่าทั้งหมด 437,918 บาท
จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นว่าการลงทุนแบบเฉลี่ยรายเดือน จะทำให้การลงทุนในราคาที่ตํ่ากล่าและได้หน่วยลงทุนที่มีจำนวนมากกว่า ทำให้ให้ผลกำไรนั้นสูงกว่าการลงทุนแบบรายปีครั้งเดียว
*ขอบคุณข้อมูลตารางจาก Krugsriasset *
จากทั้งหมดทั้งมวล การลงทุนในทุกอย่างนั้นมีความเสี่ยง แต่หากผู้ลงทุนมีการบริหารจัดการการลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป ย่อมช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความผันพวนของตลาดได้ ดังนั้นการลงทุนที่ดีผู้ลงทุนต้องทำการศึกษาข้อมูลและวิธีการอย่างละเอียดก่อนลงทุนทุกครั้ง