หนทางสู่การเป็นเศรษฐีเป็นเรื่องที่ทุกคนเคยได้ฟังกันมาบ้างแล้ว เพียงแต่อาจจะไม่เคยทำอย่างจริงๆ จังๆ และคำว่าเศรษฐีสำหรับแต่ละคนอาจมีนิยามที่แตกต่างกันด้วย บางคนอาจจะคิดว่าการเป็นเศรษฐีนั้นจะหมายถึงการมีเงินเก็บจำนวนสิบหลักในบัญชี แต่บางคนก็อาจจะคิดแค่ว่ามีเงินพอสำหรับเกษียณอายุอย่างสบายๆก็สามารถเรียกว่าเศรษฐีได้แล้ว
จริงๆแล้วการเป็นเศรษฐีนั้นมีหลากหลายแนวทางเพื่อไปให้ถึง ณ จุดนั้น แต่เชื่อว่าจุดเริ่มต้นของทุกๆวิธีการ คือ การออม เพราะ การออม นั้นเป็นการสร้างทุนที่เราจะสามารถนำไปใช้ต่อยอดในการลงทุนอื่นๆต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อพันธบัตรที่ออกโดยสถาบันการเงิน การลงทุนในกองทุน หรือแม้กระทั่งการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น ที่นี้เรามาลองดูกันว่าการออมเพื่อสร้างเงินลงทุนนั้นสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
อย่างแรกเลย การออม จะต้องเริ่มจากการเก็บเล็กผสมน้อย ส่วนใหญ่เวลาที่เราซื้อของแล้วแตกธนบัตรใหญ่ จะได้ได้เงินทอนที่เป็นเศษเงินกลับมา ทำให้เราเหลือเงินย่อยเก็บไว้ในกระเป๋ามากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเรานำเศษเงินเหล่านั้นมาเก็บออม ก็จะสามารถออมเงินได้มากเลยทีเดียว อย่ามองว่าเศษเงินแค่เพียงน้อยนิดจะเก็บจนเป็นเศรษฐีได้อย่างไร เพราะเงินเพียงน้อยนิดนั้นเมื่อนำมาเก็บรวมกันเรื่อยๆ นานเข้าก็เป็นเงินก้อนได้เหมือนกัน
อย่างที่สอง เริ่มออมให้เร็ว และออมให้ เพราะจำนวนเงินที่ออมได้จะมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง แต่มีข้อแม้ว่าห้ามนำเงินออมออกมาใช้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่สามารถเก็บเงินก้อนได้สักที หรือไม่ก็มีเงินออมเท่าเดิมไม่เพิ่มสักที อย่าคิดว่าการเก็บออมเงินจะต้องเก็บครั้งละ 5 บาท 10 บาท เท่าเดิมเสมอไป หากมีรายได้เพิ่มก็ออมเพิ่มขึ้นให้สัมพันธ์กับรายได้
อย่างที่สาม คือการสร้างบัญชีต้องห้าม ไม่ว่าจะหัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เงินในบัญชีนี้ก็ห้ามเอาออกมาใช้เด็ดขาด จริงๆก็ไม่ถึงขนาดต้องไปฝากธนาคาร แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองอดใช้เงินไม่ได้จริงๆ การสร้างบัญชีเงินฝากประจำระยะยาวก็เป็นแนวทางหนึ่ง เพราะมันจะทำให้เราเก็บเงินได้นานขึ้นตามระยะเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้ กว่าที่เราจะสามารถถอนเงินได้ก็คงมีเงินในบัญชีเป็นกอบป็นกำแล้วล่ะ
อย่างที่สี่ คือ การสร้างตารางออมเงิน ว่าในหนึ่งสัปดาห์จะเอาเงินเข้าบัญชีหรือหยอดกระปุกออมสินวันไหนบ้าง เช่น กำหนดให้ตัวเองต้องหยอดกระปุกออมสินด้วยเหรียญทั้งหมดที่มีทุกๆวันอังคารและวันศุกร์ เมื่อครบสามเดือนแล้วจะนำเงินเหล่านั้นไปฝากธนาคาร เป็นต้น แน่นอนว่าวิธีการแบบนี้เราอาจจะทำควบคู่ไปกับข้อที่แล้ว ซึ่งก็คือการสร้างบัญชีต้องห้ามด้วยก็ได้ หากทำได้ดังนี้ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลแน่นอน
อย่างที่ห้า คือ การเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นการออมเงิน งานอดิเรกเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้แก่ตัวเราเอง ดังนั้นหากเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นการออมเงินนั้นหมายถึงนอกจากจะได้สร้างสุขให้แก่ตัวเองแล้วยังได้เก็บออมด้วย และอย่าไปคิดว่านั่นเป็นการนำเงินที่เราควรจะได้ใช้ไปเก็บ แต่ให้มองระยะยาวถึงอิสรภาพทางการเงินที่เราจะได้รับ ใครที่มีความสามารถที่สามารถสร้างรายได้เสริมได้ก็ลองนำออกมาใช้ดู เพราะนอกจากจะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แล้วยังทำเงินให้คุณได้ด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นวิธีการออมเงินง่ายๆที่เราสามารถทำได้ หลายๆคนอาจจะทำทุกข้อควบคู่กันไป แต่บางคนที่เพิ่งเริ่มต้นก็อาจจะเลือกทำข้อใดข้อหนึ่งก่อนก็ได้ และค่อยเพิ่มขึ้นทีละวิธีจนครบ รู้ตัวอีกทีเราก็อาจจะกลายเป็นเศรษฐีแล้วก็ได้ อย่าดูถูกเศษเงิน และอย่าคิดว่ามันไม่มีค่า เพราะเมื่อเงินเศษมารวมกันก็กลายเป็นเงินก้อนโตได้เหมือนกัน
นอกจากนี้คนที่จะออมเงินเพื่อเป็นเศรษฐีในวันหน้านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีงานประจำทำมีเงินเดือนเยอะเสมอไป น้องๆ วัยเรียนก็สามารถเก็บออมเงินค่าขนมในแต่ละวันได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรามาเก็บเงินเพื่อหนทางสู่การเป็นเศรษฐีกันตั้งแต่วันนี้ดีกว่า