วันนี้ คุณทราบความหมายของเงินได้ดีเพียงไหน และจะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเงิน เปรียบเสมือน อะไรก็ตามที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการใช้ซื้อ-ขายสินค้าและบริการ รวมไปถึงการใช้ชำระหนี้ โดยในสมัยก่อน คนอาจจะใช้เปลือกหอย หรือทอง หรือโลหะอะไรก็ได้เพื่อใช้เป็นเงิน ตราบเท่าที่คนในสังคมยอมรับค่าของสิ่งนั้น ๆ
แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญคือ เมื่อกำหนดค่าของเงินแล้ว ค่านั้นจะต้องคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไม่ใช่วันนี้มีค่า 1 บาท แต่อีกวันมีค่าแค่ 50 สตางค์ หรืออีกวันมีค่าถึง 100 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้สิ่งๆ นั้นยังสามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในสังคมได้ เนื่องจากหากค่าของเงินไม่คงที่ เช่น ด้อยลงเรื่อย ๆ คนในสังคมก็จะขาดความเชื่อถือ และไม่ยอมรับเงินนั้นเป็นสื่อกลาง รวมทั้งไม่ยอมรับให้เป็นสิ่งที่ใช้ชำระหนี้ในอนาคต
ปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้น รายจ่ายในแต่ละเดือนมากกว่ารายรับ เป็นยุคที่ประชาชนเป็นหนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่ค่อยรอด รายได้เพิ่มช้ากว่าหนี้สินและสวนทางกับอัตราการออม
ดังนั้น “ความรู้เรื่องทาง การเงิน” จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะถ้าไม่รู้มีความรู้เรื่อง การเงิน หรือรู้จักคำว่าการออมเงินดีพอ อาจทำให้คุณเพิ่มหนี้ขึ้นเรื่อยๆแบบไม่รู้ตัว
นอกจากนี้แต่ละครอบครัวต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ควรปลูกฝังให้ลูกๆหลานๆได้รู้จักคุณค่าของการออมเงินตั้งแต่เด็ก เพราะถ้าเด็กๆไม่รู้จักออมตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นอาจใช้จ่ายโดยไม่รู้จักว่าสิ่งไหนสำคัญ ควรหรือไม่ จำเป็นหรือเปล่า หากจะต้องควักเงินในกระเป๋าซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็น
ซึ่งก็มีหลายๆส่วนงานที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยจัดโครงการให้ความรู้ทาง การเงิน มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมความรู้เรื่องทาง การเงิน แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการติดตามเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ยังทำแบบต่างคนต่างทำ ส่วนใหญ่ยังไม่วัด “ผลผลิต” ของการศึกษา เช่น การทดสอบความรู้หลังจบโครงการ หรือการติดตามสอบถามผู้เข้าร่วมโครงการว่าสามารถจัด การเงิน ได้ดีขึ้นมากน้อยเพียงใด
โดยโครงการให้ความรู้ส่วนใหญ่วัดแค่ “ปัจจัยนำเข้า” ของการศึกษา จำนวนผู้เข้ารับการอบรม ซึ่งบางองค์กรตีความว่านี่คือ “ผลผลิต” ของโครงการแล้ว หากแต่ที่แท้มันสะท้อนความสำเร็จขององค์กร ซึ่งการติดตามผลนั้นจะช่วยให้ผู้เรียนนั้นเข้าในในความหมายมากขึ้น สามารถเอาความรู้ที่เรียนมาหรือที่ได้มาจากการอบรมนั้น ไปใช้ในการจัด การเงิน ของตัวเองให้ดีข้นได้
โดยเฉพาะคนในชนบท ที่ความรู้เรื่องนี้ยังน้อยมาก รายได้น้อย แต่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆมากมายในการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น ค่าใช้จ่ายในครอบครัว เรื่องอาหารการกิน ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการศึกษาของลูกๆ ซึ่งโครงการเหล่านี้ยังเข้าไม่ถึงผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบท ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ต้องการความรู้เรื่องทาง การเงิน อย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะมีเงินน้อยที่สุดแต่ถูกมรสุมชีวิตท้าทายมากที่สุด เนื่องจากมีรายได้ไม่แน่นอนและเผชิญกับความเสี่ยงต่างๆ มากมาย แต่ได้รับการคุ้มครองจากภาครัฐน้อยที่สุด
ไม่มีบัญชีธนาคาร ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นไม่รู้เรื่องทาง การเงิน สำหรับหลายคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารแล้วคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับ การเงิน นี้ก็ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดค่ะ ความรู้เรื่องทางการเงิน คือชุดทักษะและความรู้ที่ช่วยให้สามารถจัดการทรัพยากรทางการเงินของตัวเองทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีข้อมูลครบถ้วน ตั้งแต่เรื่องการหารายได้ การออม การลงทุน การจัดทำงบประมาณรายรับรายจ่าย การจัดการหนี้ และการวางแผนทางการเงิน
สำหรับเรื่องการออมเงิน ที่หลายคนอาจจะเข้าใจยังไม่ถูกต้อง แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดและไม่น่าแปลกใจ เพียงแต่น่าเสียดายและอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่า “ความรู้เรื่องทาง การเงิน ” หมายความแค่การรู้จักวิธีวางแผนการลงทุนและวิธีใช้ผลิตภัณฑ์ของสถาบัน การเงิน เท่านั้น
ทั้งที่มันมีความหมายกว้างกว่านี้มาก และสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้เลย จะต้องเริ่มต้นจากทักษะขั้นพื้นฐานกว่านั้นมาก อาทิ ความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “สิ่งที่จำเป็น” กับ “สิ่งที่อยากได้แต่ไม่จำเป็น” (want) การบันทึกรายรับรายจ่าย ความเข้าใจพื้นฐานเรื่องค่าของเงินผ่านกาลเวลา ความเสี่ยงที่ส่งผลต่อฐานะทางการเงิน ฯลฯ
ดังนั้น การให้การศึกษาทาง การเงิน ที่เริ่มต้นเรื่องการออมเพื่อลงทุนกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เปรียบได้กับการสอนหลักสูตรปริญญาโทให้กับเด็กที่ยังเรียนไม่จบประถมปีที่หก
เพราะสำหรับ เรื่องการออมเงินนี้ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างเกี่ยวกับเรียนรู้และการถ่ายทอดเพื่อให้คนอื่นๆทียังไม่มีความรู้ ควรให้ คำนิยามหรือการตีความ ความรู้เรื่องทาง การเงินให้กว้างและเข้าใจมากกว่าการต้องมีบัญชีเงินฝากกับธนาคารและมาฝากเงินอย่างสม่ำเสมอ ทั้งที่คนไทยหลายล้านคนออมเงินไว้กับตัวเองหรือสถาบันการเงินนอกระบบทางการ
เช่น สัจจะลดรายจ่าย สหกรณ์ออมทรัพย์ บัญชี 2 ในกองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ ก็เป็นการออมเงินที่ดี และช่วยให้มีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายในเวลาที่จำเป็น และหากมีความรู้เรื่องการเงินที่ดีที่ถูกต้องมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักการออม ประหยัดและไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แถมยังจะเป็นการลดหนี้ลงได้เรื่อยๆได้เช่นกัน
วันนี้เพียงแค่คุณได้ใช้เงินอย่างถูกวิธี มีแผนการใช้เงินที่ดี มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆเลยทีเดียวที่จะสามารถสร้างระบบ การเงิน ที่มั่นคงแก่ตัวคุณได้ เพื่ออนาคตทีมั่นคงดังนั้นการที่เราริเริ่มการเงินตั้งแต่วันนี้ถึงว่าเป็นก้าวแห่งความปราชัยเลยก็ว่าได้