ถ้าคุณคิดว่าคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ๆ อย่าได้คิดฝันว่าจะสามารถยกระดับฐานะการเงินของตัวเองได้ คุณก็จะย้ำอยู่กับที่แบบนั้นแหละค่ะ แต่ถ้าคุณเกิดความสงสัยและลังเลอยู่บ้างในใจว่า คนทั่ว ๆ ไป คนที่เกิดมาในครอบครัวระดับกลาง ๆ หรือคนที่เป็นพนักงานเงินเดือนนั้น จะสามารถผลักดันตัวเองขึ้นไปเป็นเศรษฐีกับเขาได้จริง ๆ หรือเปล่า
อยากให้คุณรู้ไว้สักนิดนะคะว่ามหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ แต่ก่อนนั้นตัวเขาเองก็ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน หรือคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดหรอกนะคะ ความเป็นจริงก็คือชีวิตของวอร์เรนสมัยยังเป็นเด็กนั้น เขาเติบโตมาในแถบชนบทและในสมัยที่เขายังเป็นเด็กนักเรียนอยู่นั้น คุณครูประถมของเขายังเคยพูดกับเขาว่า เขาไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้หรอก และใคร ๆ ก็คงคาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเด็กชายวอร์เรนในวัยเพียง 6 ขวบที่เดินเร่ขายหมากฝรั่งนั้น มาวันนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีชื่อดังที่หลาย ๆ คนอยากล้วงวิชาความสำเร็จจากเขากันทั้งนั้นค่ะ แล้วอะไรคือสิ่งที่วอร์เรนยึดถือและใช้เป็นกุญแจสู่ ความมั่งคั่งทางการเงิน บ้างนะ เรื่องนี้มีเฉลยแล้วค่ะ เขยิบเข้ามาเรียนรู้จากเขาไปพร้อม ๆ กันเถอะค่ะ
กุญแจดอกที่ 1 คือ Work hard
ใช่แล้วค่ะ ต้องทำงานหนัก เพราะวอร์เรนเชื่อว่าคนเราจะทำสิ่ง ๆ หนึ่งให้สำเร็จได้นั้นต้องเริ่มจากการลงมือกระทำก่อนเป็นเรื่องแรก อย่ามัวแต่พูดหรือคิดอยู่ในใจเพียงอย่างเดียว แต่คุณต้องเตรียมตัวและพร้อมลุยงานหนักให้ได้อย่างต่อเนื่องให้ถึงที่สุดค่ะ หรือถ้าเปรียบเทียบเป็นการชกมวยก็คงหมายความว่า อย่ามัวแต่เล็ง อย่าเอาแต่ฟุตเวิร์ค แต่ให้ปล่อยหมัดออกไปสักทีเถอะ เพราะนั่นต่างหากหล่ะคะที่จะทำให้คุณได้แต้มคะแนนและมีโอกาสชนะในเกมนั้น ๆ ค่ะ
กุญแจดอกที่ 2 คือ จงขยันให้มาก
วอร์เรนได้ให้ข้อคิดที่น่าฟังและกระตุกต่อมขี้เกียจของใครต่อใครได้อย่างแรง โดยการยกตัวอย่างถึงกุ้งมังกรที่เรารู้จักกันดีว่า “ขนาดกุ้งมังกรตัวโต ๆ ถ้ามัวแต่นอนหลับ ยังสามารถถูกกระแสน้ำพัดลอยไปได้” ซึ่งก็หมายถึงถ้ามนุษย์อย่างเรา ๆ วัน ๆ ไม่ทำอะไรบ้างเลย เอาแต่นั่งรอคอยความหวังกับฝันลม ๆ แล้ง ๆ สักวันคุณก็จะพลัดตกอยู่ในวังวนของวิกฤตการเงินแน่นอนค่ะ
กุญแจดอกที่ 3 คือ รายรับมากกว่าหนึ่งด้าน
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีคิดที่เหมือน ๆ กับมหาเศรษฐีหลาย ๆ คนค่ะ ไม่ใช่แค่วอร์เรนคนเดียวเท่านั้น กุญแจดอกนี้สำคัญเพราะว่าถ้าเรายึดเอารายได้จากช่องทางเดียวคือเงินเดือนในแต่ละเดือน สมมุติว่าเศรษฐกิจพลิกผันเกิดความไม่มั่นคงใด ๆ ขึ้นมา คุณก็จะเจอกับความเสี่ยงทางการเงินเต็ม ๆ ค่ะ วอร์เรนก็เลยสอนว่าให้เราหันมาสร้างรายได้จากช่องทางอื่นเพิ่มด้วย ซึ่งก็อาจจะเป็นการลงทุนในด้านอื่น ๆ ที่ทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนค่ะ
กุญแจดอกที่ 4 จำกัดรายจ่ายอย่างจริงจัง
การหารายได้อย่างหนักก็ต้องเดินควบคู่ไปกับการจำกัดรายจ่ายอย่างจริงจังด้วยค่ะ ซึ่งก็คือกุญแจดอกที่ 4 ของวอร์เรนเขาค่ะ โดยวอร์เรนมีแนวคิดที่ว่าการใช้จ่ายเงินแต่ละก้อนแต่ละบาทนั้น เราต้องซื้อเฉพาะของที่จำเป็นต่อเราจริง ๆ หรือไม่อย่างนั้น สิ่งที่จะซื้อหามาก็ต้องสามารถนำมาสร้างรายได้อื่นเพิ่มต่อยอดให้คุณได้ถึงจะเวิร์คค่ะ ไม่อย่างนั้นถ้าคุณละเลยและยอมใช้เงินหมดไปกับของที่ตัวเองต้องการแต่ไม่ได้จำเป็นอะไรนัก คุณก็อาจจะพลาดของที่จำเป็นหลาย ๆ อย่างไปได้ค่ะ คุณ ๆ จึงต้องคิดให้ดี ๆ ทุกครั้งก่อนที่จะจับจ่ายเงินออกไปนะคะ
กุญแจดอกที่ 5 คือ ออมเงินอย่างตั้งใจ
ซึ่งการออมเงินในมุมมองของเขาก็คือ ไม่ใช่ว่าเราใช้จ่ายจนพอใจแล้วเงินมีเหลือถึงจะนำมาเก็บออมนะคะ แต่สำหรับเขาคือเงินที่หามาได้ให้แยกไปเป็นเงินออมก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นมีเงินเหลือเท่าไรก็คือส่วนที่เราจะใช้จ่ายได้ค่ะ ซึ่งจุดนี้ยอมรับค่ะว่าแตกต่างจากคนทั่ว ๆ ไปจริง ๆ เพราะโดยมากแล้ว เรามักจะเคยชินและเข้าใจมาตลอดว่าเงินใช้เหลือแล้วค่อยออม รู้อย่างนี้แล้วก็คิดใหม่กันนะคะ ทุกคน มาถึงกุญแจดอกสุดท้าย
กุญแจดอกที่ 6 ไม่กู้ยืม ไม่สร้างหนี้
เพราะวอร์เรนเชื่อว่าเมื่อไรก็ตามที่เราไปยืมเงินกู้เงินมาจากคนอื่น หรือแหล่งเงินอื่น ๆ ก็เหมือนกับเราตกเป็นทาสทางการเงินของเขา ไม่มีอิสระอย่างที่เคย เขาจึงแนะนำให้เราเลือกใช้จ่ายอย่างพอเพียงดีกว่าใช้จ่ายด้วยเงินของคนอื่น หรือ เงินที่ได้มาซึ่งภาระหนี้สินในอนาคต ยิ่งถ้าเป็นการกู้ยืมมาเพื่อสนองความต้องการของเราเพียงอย่างเดียว ก็ให้ตั้งสติและถอยห่างจากความอยากได้อยากมีซะดีกว่าค่ะ ไม่อย่างนั้น หนี้บาน เงินที่หามาอย่างเหน็ดเหนื่อยมีเท่าไรก็ถมไม่พอนะคะ
ทีนี้คุณ ๆ ก็ลองนำกุญแจทั้ง 6 ดอกของวอร์เรนมาใช้กับตัวคุณเองดูนะคะ เผื่อว่าประตูสู่ ความมั่งคั่งทางการเงิน จะเปิดออกให้คุณ ๆ กันในเร็ว ๆ นี้ค่ะ