ต้นทุนต่ำ เกิดมาจน ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องใช้ชีวิตอย่างคนจน แล้วตายไปแบบคนจนเสมอไป เพราะชีวิตถึงแม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราก็ยังสามารถเลือกที่จะคิด ทำ และเป็นอย่างที่ใจเราปรารถนาได้ อย่างที่บิลล์ เกตส์ ได้เคยพูดประโยคนึงที่ว่า “ถ้าคุณเกิดมาจน นั่นไม่ใช่ความผิดคุณ แต่ถ้าคุณตายจน นั่นคือความผิดคุณ”
อาจารย์สมคิด ลวางกูร ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ไม่ให้ชาติกำเนิดมาเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของเขา จากเด็กที่กำพร้าพ่อ เพราะทิ้งแม่ของเขาไปตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนแม่ก็ไม่มีกำลังที่จะสามารถเลี้ยงดูลูกได้ จึงถูกส่งให้ไปอยู่วัด กลายเป็นเด็กวัดผู้ต่ำต้อย ถึงขนาดบางครั้งหิวจัดซะจนต้องแย่งหมากิน
จากอดีตเด็กวัดในวันนั้น จนมาถึงวันนี้อาจารย์สมคิด ลวางกูร กลายเป็นคน ประสบความสำเร็จ ในชีวิตคนหนึ่ง เป็นทั้งนักเขียน และนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน พิสูจน์ให้เห็นว่าความจนและชาติกำเนิดไม่ได้เป็นสิ่งที่ลิขิตชีวิตของคนเรา มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะลิขิตชะตาชีวิตของตัวเอง เรามาเรียนรู้เคล็ดลับความสำเร็จจากบุคคลที่สร้างตัวเองขึ้นมาจากจุดที่ต่ำที่สุดกับผู้ชายคนนี้กันครับ
1. เป้าหมายคือทุกสิ่ง
ในสมัยที่เป็นเด็กวัด อาจารย์สมคิดต้องใช้ชีวิตแบบอดๆ อยากๆ ต้องทนหิว ทนหนาว ทนทุกข์ทรมาน และต้องการที่จะหนีจากชีวิตที่ทุกข์ยากนี้ ไปมีชีวิตที่สุขสบายหรือดีกว่านี้ ซึ่งโชคดีที่ได้อ่านหนังสือของเดล คาร์เนกี ส่วนหนึ่งของเนื้อหาในหนังสือได้กล่าวไว้ประมาณว่า ไม่ว่าจะเกิดมาจากชาติตระกูลที่ต่ำต้อยแค่ไหน หรือยากจนแค่ไหน ไม่ต้องสนใจ เพราะเราทุกคนมีล้วนศักยภาพ และมีความสามารถมาตั้งแต่เกิด ซึ่งวิธีที่ดึงความสามารถนั้นออกมาใช้ก็คือ การตั้งเป้าหมาย! นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้กล้าคิดที่จะเป็นคนรวยตั้งแต่นั้นมา โดยอาจารย์สมคิดใช้แรงผลักดันจากชีวิตที่ทุกข์ยากหรือมีปมด้อยในวัยเด็ก มาเป็นแรงผลักดัน และเป็นตัวกำหนดเป้าหมาย การที่เรารู้ว่าเรามีปมด้อยอะไร ทำให้เรารู้ว่าสิ่งนั่นแหละคือสิ่งที่เราขาด สิ่งนั้นคือสิ่งที่เราต้องการ และนั่นก็คือเป้าหมายของเรา
มนุษย์ทุกคนถึงแม้จะมีศักยภาพ และมีความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็จริง (จะสูงจะต่ำก็แตกต่างกันไปแต่ละบุคคล) แต่สิ่งที่กำหนดให้คนเราประสบความสำเร็จก็คือ “การมีเป้าหมายในชีวิต” “การวินัยในการเดินไปสู่เป้าหมาย” และที่สำคัญคือ “ถ้าไม่สำเร็จ ต้องไม่ล้มเลิก” ดังนั้นอย่าปล่อยให้ชิวิตไร้เป้าหมาย เพราะไม่อย่างนั้นชีวิตจะดิ่งลงไปสู่หายนะ และถึงแม้วันนึงเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว อาจารย์สมคิดก็ยังแนะนำว่าให้ตั้งเป้าหมายต่อไป ซึ่งควรเป็นเป้าหมายใหญ่กว่าเป้าหมายเดิมอย่างน้อย 10 เท่าด้วย
2. ธรรมะ เป็นสิ่งที่ใช้ได้ตลอดชีวิต
ชีวิตของอาจารย์สมคิดเรียกได้ว่าเริ่มต้นจากต่ำเตี้ยติดดิน เป็นเด็กวัดจนๆ คนหนึ่ง แต่สามารถก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงาน เป็นถึงผู้บริหารสายการบินระดับโลก มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากนั้นชีวิตก็ตกต่ำสู่หายนะอีกครั้ง จากที่เป็นมีแต่คนนับหน้าถือตา กลายเป็นคนที่มีแต่คนตามมาด่า รับไม่ได้กับความตกต่ำในชีวิต ถึงขั้นเคยคิดอยากจะฆ่าตัวตาย โชคดีที่อาจารย์สมคิดใช้ธรรมะเป็นที่พึ่ง
เมื่อปฏิบัติธรรมจึงได้เห็นความจริงที่ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อ ประสบความสำเร็จ ก็มีคนยกย่อง เมื่อล้มเหลว มีคนมาด่าว่า เพราะเราทำให้เขาเดือนร้อน หรือเสียผลประโยชน์ ก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ความทุกข์เกิดจากการไม่เข้าใจความจริงของชีวิต แต่วิปัสสนาทำให้เห็นความจริง เมื่อยอมรับความจริงได้ก็จะไม่คิดฆ่าตัวตาย ไม่ทุกข์ และเกิดปัญญาที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต นอกจากนี้อาจารย์สมคิดยังให้ข้อคิดในเรื่องของการดำเนินชีวิตด้วยว่าต้องมีคุณธรรมเป็นที่ตั้ง ซึ่งหมายถึง การคิดดี พูดดี ทำดี อะไรที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และเป็นสิ่งที่ทำแล้วเรามีความสุข ให้ทำไปเลย!
ธรรมะเป็นสิ่งที่เราสามารถนำมาใช้ได้อยู่ตลอด ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
3. กลยุทธ์สร้างแบรนด์แบบสมคิด ลวางกูร
ความสำคัญของแบรนด์คือ ทำให้สินค้าที่มีลักษณะเหมือนๆ กัน สามารถมีที่ราคาแตกต่างเป็น 10 เท่า และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 เท่า การสร้างแบรนด์ในแบบของสมคิด ลวางกูลจะเน้นไปที่ตัว Product (ไม่จำเป็นต้อง 4P แค่ P-Product ตัวเดียวก็พอ) คือทำสินค้าให้มีความแตกต่าง และดีกว่า การแพ้ชนะไม่ได้อยู่ที่เงินทุน แต่อยู่ที่วิธีคิดต่างหาก จะสร้างแบรนด์ทั้งทีต้องเอาชนะเบอร์หนึ่งของตลาด หลายๆ คนอาจจะคิดว่ายาก แต่อาจารย์สมคิดบอกว่าการแข่งกับเบอร์หนึ่งนั้น คู่แข่งเราจะมีคนเดียว แต่ถ้าไม่พยายามเป็นเบอร์หนึ่งจะมีคู่แข่งหลายคน ซึ่งยากกว่า ดังนั้นเราต้องหาดูว่าเบอร์หนึ่งในตลาดคือใคร แล้วทำ Product ให้แตกต่าง และดีกว่า ถ้าเราทำอะไรเท่าเค้าหมด จะสร้างแบรนด์ยาก โดยสินค้าที่ดีจริงๆ คือสินค้าที่ลูกค้าใช้แล้วทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป
สำหรับการสร้างแบรนด์ที่เป็นตัวบุคคล อาจารย์สมคิดแนะนำว่า ให้เริ่มจากการทำตัวให้มีเอกลักษณ์ก่อน ต้องโดดเด่นไม่เหมือนใคร เช่น การแต่งกาย ทรงผม เป็นต้น จากนั้นให้พูดแต่ในสิ่งที่มีคุณค่า หมายถึงต้องพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนฟัง จงใช้ความรู้ ความดี ความเก่งที่มีให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
นี่แหละครับแนวคิดของอดีตเด็กวัดที่สามารถ ประสบความสำเร็จ ได้จนถึงทุกวันนี้!