ทุกคนที่เกิดมาต่างก็อยากมีฐานะความมั่นคงในชีวิต จะเห็นได้เลยว่าคนส่วนใหญ่ได้มีการปลูกฝังเด็กตั้งแต่เล็กๆ ด้วยการพาลูกหลานไปเข้าโรงเรียนเพื่อที่จะได้ศึกษาหาความรู้ เมื่อจบออกมาแล้วจะได้มาประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ ทุกคนต่างก็มีจุดมุงหมายเดียวกัน แต่ความอดทนและความมานะนั้นย่อมไม่เท่ากันอย่างแน่นอน
หากท่านเป็นคนช่างสังเกตก็จะรู้เลยว่า คนส่วนใหญ่จะทุ่มเทชีวิตอยู่กับงานและคนบางกลุ่มทุ่มเทชีวิตอยู่กับความสุข และสุดท้ายคนที่อยู่กับความสนุก บุคคลที่ทุ่มเทชีวิตอยู่กับงานนั้นส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยว่าง มักจะทำงานเป็นส่วนใหญ่เพราะคนประเภทนี้ อาจมองได้สองแง่คิดนั่นก็คือ การรักงานรักในสิ่งที่ตนเองทำหรอการวางแผนชีวิตในอนาคต คนที่ทุ่มเทชีวิตอยู่กับความสุขคือคนประเภทนี้ก็เหมือนๆกับคนทั่วๆไป คือทำงานเก็บเงินและแบ่งเวลาให้กับตัวเอง คือ รู้ตัวว่าต้องทำงานและก็ไม่ทุ่มเทจนมากเกินไปจนลืมความสุขให้กับตนเองและครอบครัว คนกลุ่มสุดท้ายคืออยู่กับความสนุก คนประเภทนี้อาจจะแฝงมาด้วยความเกียจคร้านงานการก็ไม่ย่อมทำขออยู่อย่างเดียวรักสนุกไปวันๆ
สวัสดีค่ะ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเราจะทำอย่างไรให้เราสามารถรวยได้ ทำไงให้ร่ำรวย เหมือนกับคนอื่นๆ ข้อนี้แน่นอนเลยว่าทุกคนคงเคยคิดกันมามากแล้วใช่ไหมคะ เพราะทุกคนต้องคิดแน่นอน เมื่อคุณคิดแล้วคุณลงมือทำแล้วหรือยัง หรือคุณยังคิดไม่ออกอีกว่าคุณควรจะทำอย่างไร ไม่เป็นไรค่ะ บทความนี้จะพาท่านไปหาคำตอบของความร่ำรวยกันว่าเราควรจะทำอย่างไร
1. ปรับเปลี่ยนมุมมองของตนเอง
หากคุณได้ติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลาคุณก็จะรู้ว่าบุคคลรวยๆส่วนใหญ่นั้นเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเป็นนักลงทุนถือหุ้นต่างๆ แม้กระทั่งคนที่เรียนหนังสือไม่จบก็ยังมีฐานะที่ร่ำรวยได้ เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วคุณคิดอะไรออกบ้างไหมค่ะ คุณเคยได้ฟังข่าวนี้ไหม พนักงานดีเด่นมีเงินเดือนสูงทำให้ร่ำรวยในชั่วพริบตา มันคงจะยากอยู่เหมือนกันนะคะที่จะเป็นแบบนั้นได้หากเป็นเช่นนั้นเจ้าของกิจการก็รวยล้นฟ้าแล้วค่ะ แน่นอนเราไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองที่จะเป็นลูกของเจ้าของบริษัท เมื่อถึงวาระก็คอยรับหน้าที่สานต่อ แต่เราเป็นเพียงลูกคนจนๆที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพมาทำงานเป็นพนักงานก็ดีแล้ว จะให้เราทำอย่างไรได้ หากคุณมีความคิดที่จะรวยในสักวันให้ได้ คุณจะไม่คิดย่อท้อต่อความยากลำบากใดๆ จะยากสักแค่ไหนก็สามารถทำได้
มนุษย์เงินเดือนอย่างเช่น ตำรวจ ทหาร ครู พนักงานรัฐ หรือเอกชน ต่างๆซึ่งบางคนก็จำเป็นต้องกู้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัวก็มี ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่สามารถทำให้เราร่ำรวยได้เช่นกัน นอกเสียจากจะทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปด้วยแบบนี้ก็รุ่งละค่ะ เพราะเราคิดง่ายๆหากเราหวังแต่เพียงเงินเดือนประจำเท่านั้น เราลองคิดรับและรายจ่ายหักกันดูแล้วเรามีเงินเก็บเท่าไหร่ หากได้จำนวนเงินเก็บแล้วเราก็คำนวณไปเลยว่าอีกกี่ปีเราถึงจะได้ชื่อว่าร่ำรวย
2. วางแผนและจุดมุ่งหมาย
หากเราเป็นคนหนึ่งที่มีเงินเดือนกินตลอด แต่อยากจะให้ชีวิตเราได้สัมผัสถึงความรวย คุณจะต้องวางแผนการทำธุรกิจ การทำธุรกิจใช่ว่าทุกคนจะร่ำรวยทุกคนเสมอไป แต่เราอาจจะเจอปัญหาบ้างเล็กน้อยหรือหนักบ้างนั้นก็จะเป็นตัวชี้วัดความสามารถของเราเอง ขั้นแรกของการจะทำธุรกิจคือ การวางแผนพร้อมทั้งตั้งเป้าหมาย เช่น คุณจะเปิดร้านกาแฟสักร้านหนึ่ง คุณจะต้องรู้แล้วว่ากาแฟนั้นจะรับมาจากที่ไหน ลูกค้าจะชอบแบบไหน การตลาดควรทำอย่างไร นี่ก็เป็นการยกตัวอย่างเป็นต้น ต่อไปคือการตั้งเป้าหมายว่าภายในระยะ 1 ปีนี้เราควรจะได้กำไรเท่าไหร่ และในปีต่อไปเราควรจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ และเราจะขยายสาขาออกไปดีหรือไม่
3. การลงมือทำ
ทุกอย่างที่เราคิดจะประสบผลสำเร็จไปไม่ได้หากเราไม่ลงมือทำ แต่อย่าพลัดวันประกันพรุ่งนะคะ เพราะอาจจะทำให้ท่านเป็นคนเลื่อนตลอด แค่นี้เป้าหมายของคุณก็เลื่อนไปตามใจของคุณเองด้วย การคิดควรคิดให้ดีและต้องศึกษาให้แน่ใจก่อนลงมือทำ
ยกตัวอย่างบุคคลที่ทำธุรกิจและประสบความสำเร็จในชีวิตกันนะคะว่ามีใครบ้าง อย่างเช่น บิลล์ เกตส์ ซึ่งตอนนี้ได้รับตำแหน่งมหาเศรษฐี เจ้าของไมโครซอฟท์ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นทั้งผู้ถือหุ้นและทำธุรกิจต่างๆจนประสบความสำเร็จ และ รัศมี มิททาล หนุ่มใหญ่วัย 57 ปีชาวอินเดียที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ และมีทรัพย์สินมากถึง 4 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรหากเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำมันแล้ว ความสำเร็จนั้นก็อยู่ไม่ไกลเกินมือเราอย่างแน่นอน เราอย่าไปคิดว่า ทำไงให้ร่ำรวย เมื่อไหร่เราจะรวยได้เท่าเขา เราไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเป็นหมื่นๆล้าน แต่เราขอแค่เพียงร่ำรวยในสิ่งที่เราคิด คิดในสิ่งที่เราว่าเรารวยแล้ว การรวยในสิ่งของเราอาจจะไม่ได้ถูกยกย่องอย่างใครๆ แต่เราจะรวยแบบในสิ่งที่เราต้องการโดยที่ไม่เดือนร้อนใคร