หมากรุกนั้นนับได้ว่าเป็นเกมส์ที่ฝึกสมองไม่แพ้เกมส์อื่นๆเลยทีเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าหมากรุกนั้นมีการเดินที่หลากหลาย มีตัวมากถึงสิบหกตัวให้เราเลือกใช้ ซึ่งเราต้องใช้หมากทุกอย่างที่มีอยู่นั้นในการเอาชนะอีกฝ่ายโดยการพยายามเดินให้หมากขุนของอีกฝ่ายไม่สามารถหนีได้นั้นเอง
เราจะสังเกตได้ว่ามีหนังจำนวนไม่น้อยที่มักจะมีฉากการเล่นหมากรุกต่างๆและใช้เวลาเดินในแต่ละครั้งที่นานมาก ซึ่งในชีวิตจริงก็เช่นกัน เหล่าบันดานักธุรกิจที่ชอบเล่นหมากรุกมักจะมีความใจเย็นและรอบครอบทุกครั้งก่อนที่จะเดินในแต่ละครั้ง เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราเลือกที่จะเดินหน้าแล้วนั้นนั่นหมายความว่าเราจะไม่สามารถเดินกลับได้และเมื่อใดก็ตามที่เราเลือกที่จะเดินกลับอีกฝ่ายก็เดินได้สองก้าวแล้ว นับได้ว่าเป็นความตื่นเต้นอย่างเงียบเลยทีเดียวเชียว ถึงแม้ว่าหมากรุกนี้จะไม่โลดโผนเหมือนกีฬาชนิดอื่นๆ ถึงแม้ว่าหมากรุกนี้จะไม่ออกแรงวิ่งเหมือนกีฬาฟุตบอลหรือไม่ต้องออกแรงเยอะเหมือนกับกีฬาชนิดอื่นๆแต่หมากรุกนี้ก็ต้องใช้สมองที่มากกว่ากีฬาชนิดอื่นๆเช่นกัน
เป็นเรื่องที่น่าแปลก สำหรับเหล่าผู้ชมหมากรุกนั้น หรือเหล่าผู้ชมเกมส์กระดานต่างๆทั่วไป ถึงแม้ว่าจะมีมุมมองที่คล้ายๆกับคนเล่นนั้นแต่พวกเขาเหล่านั้นอาจจะมองเกมส์ได้ขาดกว่าและสามารถมองได้ว่าควรไปในทิศทางใด เหล่าผู้เล่นนั้นถึงแม้ว่าเขาจะมองเห็นทั้งกระดานก็จริงอยู่แต่ในความรู้สึกนั้นเขากลับรู้สึกว่าตัวเองมองได้แคบ จึงไม่แปลกใจที่ว่าทำไมหมากรุกนั้นหรือเกมส์กระดานอื่นๆนั้นมีการเดินในแต่ละครั้งที่นาน และหมากรุกนี้ก็เปรียบได้กับ ธุรกิจ ของเราดังนี้
ทุกครั้งที่เลือกเดิน ทุกครั้งที่ตัดสินใจ
เมื่อเปรียบหมากรุกเป็นธุรกิจแล้วนั้นก็คงต้องเปรียบผู้เล่นเป็นผู้บริหาร เมื่อใดก็ตามที่เหล่าผู้บริหารเลือกที่จะเดินหมากแล้วนั้น ผู้บริหารคนอื่นๆจากต่างบริษัทก็เลือกที่จะเดินเช่นกันขึ้นอยู่กับว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง และเมื่อใดก็ตามที่เราเลือกที่จะเดินถอยหลัง ผู้บริหารคนอื่นก็จะนำเราไปสองก้าวเช่นเดียวกัน หมากรุกนั้นสอนให้ผู้เล่นรูจักกับคำว่าอดทนและไตร่ตรองดีๆและในบางครั้งอาจจะสอนถึงสงครามจิตวิทยา เหล่าผู้บริหารที่ชอบเล่นหมากรุกนั้นจะมีความใจเย็นที่สูงกว่าคนอื่นๆและจะมีการไตร่ตรองสิ่งต่างๆได้ค่อนข้างละเอียดกว่าคนอื่นๆเพราะหมากรุกนั้นช่วยฝึกการตัดสินใจของผู้เล่นได้ดี เหล่าผู้บริหารนั้นควรเลือกที่จะตัดสินใจต่างๆโดยคิดให้ละเอียดรอบครอบนั้น ยิ่งเรานั้นพยายามมองมุมกว้างมากเท่าไหร่เราก็จะยิ่งเห็นหมากครบทุกตัวและเมื่อเปรียบกับธุรกิจแล้วนั้นเมื่อเราใช้เวลาพิจารณาและพยายามมองกว้างๆมากเท่าไหร่ เรายิ่งเห็นถึงปัจจัยและผลกระทบต่างๆเมื่อเราตัดสินใจนั้น การเดินหมากรุกในแต่ละครั้งหรือการตัดสินใจที่จะเดินหน้าบริษัทในแต่ละครั้งนั้น ควรที่จะพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนจะดีที่สุด
เลือกคู่แข่งที่สูสีไม่เก่งมากไปหรืออ่อนมากไป
ทุกคนล้วนเคยมีประสบการณ์การแข่งขันอะไรสักอย่างกับคนอื่น เมื่อเราแข่งกับคนที่อ่อนหรือด้อยกับเรามากเกินไป เราก็จะรู้สึกเบื่อ เมื่อใดก็ตามที่เราแข่งกับคนที่เก่งมากเกินไปเราก็จะรู้สึกเซ็ง และเมื่อใดก็ตามที่เรานั้นแข่งกับคนที่เก่งสูสีหรือใกล้เคียงกับเราแล้วนั้น เราจะรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก เกมส์การแข่งขันนี้คงไม่ใช่เกมส์แข่งเป่ายิงฉุบแน่นอนและไม่ควรเป็นเกมส์ที่วัดดวงแต่ควรเป็นเกมส์ที่ใช้ความสามารถของเรา การต่อสู้นั้นเป็นตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นภาพได้ง่ายที่สุดเมื่อใดก็ตามที่เราสู้กับคนที่เก่งน้อยกว่าเรานั้น ต่อให้เราไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมายก็สามารถชนะได้ง่ายๆ เมื่อใดก็ตามที่เราสู้กับคนที่เก่งกว่าเรามากแล้วนั้น ต่อให้เราใช้ฝีมือมากขนาดไหนเราก็ไม่อาจเอาชนะได้ แต่ถ้าเราเลือกคู่แข่งที่สูสีกับเรา เราจะรู้สึกสนุกและรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา การเลือกคู่แข่งนี้นั้นควรเลือกบริษัทที่มีขนาดใกล้เคียงกับเราหรือมีความสำเร็จที่ใกล้เคียงกับเรา เราคงไม่อยากเลือกคู่แข่งเป็นบริษัท Facebook หรือบริษัทที่มีความมั่นคงสูงในตลาด ซึ่งจะทำให้เรานั้นรู้สึกท้อถอยได้ง่ายๆ และเราคงไม่เลือกคู่แข่งที่เป็นร้านขายของชำแถวบ้านแน่นอนหรือร้านป้าขายข้าวแกง เพราะความมั่นคงนั้นต่างกัน เมื่อเราเลือกคู่แข่งที่สูสีนั้น จะทำให้เราพยายามพัฒนาบริษัทของตัวเองให้ชนะ และเมื่อใดก็ตามที่ชนะแล้วนั้นก็ควรที่จะเลือกบริษัทต่อไปที่จะอยากชนะ
ไม่มีอยากเสียหมากโดยสูญเปล่า
ในกระดานหมากรุกนั้นมีหมากถึงสิบหกตัวแต่ในสิบหกตัวนั้นมีหมากเพียงตัวเดียวที่เราต้องปกป้องนั้นก็คือหมากขุน เราสามารถใช้หมากทุกตัวนั้น ในการวางไว้ตำแหน่งต่างๆและเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้แผนอะไร เราสามารถแลกตัวหมากกับอีกฝ่ายซึ่งกันและเราหรือกล่าวคือเมื่อเราทำลายหมากอีกฝ่ายได้แล้วอีกฝ่ายก็จะทำลายหมากของเราเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากแลกแน่นอน และเมื่อใดก็ตามที่เราคิดที่จะไม่แลกแล้วนั้นเราก็ต้องบริหารหมากของเราให้มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งหรือเราอาจจะเลือกที่จะเสียน้อยแต่สิ่งที่เราได้มากนั้นมีค่ามาก เราอาจะเลือกที่จะเสียหมากเบี้ยที่มีความสามารถไม่สูงเพื่อที่จะกินหมากที่ชื่อว่าม้าของอีกฝ่าย นับได้ว่าเป็นการแลกที่คุ้มค่า ในทางธุรกิจก็เช่นเดียวกัน เรานั้นควรที่จะบริหารให้มีผลเสียน้อยที่สุดแต่ได้ผลตอบแทนกลับมานั้นมากที่สุด สัญญาบางฉบับเมื่อเราลงชื่อเราแล้วนั้นเราอาจจะเสียผลประโยชน์ส่นหนึ่งแต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นควรท่จะได้กลับมามากกว่าที่เสียไป