ในสังคมปัจจุบันที่การแข่งขันนั้นสูงมาก ผู้คนมากมายต่างแข่งขันที่จะสร้างผลกำไรให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนัก หรือการประกอบอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับตัวเอง แต่ก็ลืมมองว่าตนเองนั้นไม่มีเงินทุนที่จะสามารถสร้างความฝันให้เป็นจริงได้
ทางออกสำหรับผู้ที่กำลังต้องการจะเปิดโอกาสทางเลือกให้กับตัวเองจึงพุ่งไปที่สินเชื่อ โดยในปัจจุบันการขอสินเชื่อนั้นสามารถทำได้ง่าย และระยะเวลาในการอนุมัติก็ค่อนข้างเร็วกว่าสมัยก่อน ถ้าเอกสารครบ ประวัติใส รับรองได้ว่าผ่านแน่นอน แต่ถ้าประวัติไม่ดี มีการผิดนัดชำระ รับรองว่าไม่ผ่านแน่
สินเชื่อในปัจจุบันนั้นมีความหลากหลาย โดยขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินจะเป็นผู้กำหนดประเภทของสินเชื่อต่างๆ ทั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วประเภทสินเชื่อของแต่ละสถาบันจะมีความคล้ายคลึงกันแต่ต่างกันที่หลักเกณฑ์การพิจารณาที่แตกต่างกัน โดยที่สินเชื่อที่สถาบันการเงินให้กับผู้ขอสินเชื่อที่เป็นบุคคลนั้นจะเรียกว่า “เครดิต” ส่วนบุคคล
เครดิตส่วนบุคคล ที่สถาบันการเงินมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลัก คือ
เครดิตส่วนบุคคล เป็นบริการที่ทางสถาบันการเงินได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความสะดวกในการใช้จ่ายของผู้ขอสินเชื่อ โดยที่วงเงินในการที่จะได้รับจากสาถบันการเงินนั้นๆจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระซึ่งสถาบันกาเงินจะเป็นผู้พิจารณาจำนวนของวงเงิน การพิจารณาจะเป็นการพิจารณาจากเงินเดือน หลักแหล่งของอาชีพการงาน และประวัติเครดิตของผู้ขอเครดิตเป็นหลัก เนื่องจากว่าเครดิตส่วนบุคคลเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สถาับนการเงินจึงคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อการเคหะ หรือเช่าซื้อรถยนต์ เพื่อชดเชยกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยได้ควบคุมอัตราดอกเบี้ย บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลให้มีอัตราสูงสุดได้ไม่เกิน 18% และ 28% ตามลำดับที่ตั้งไว้
บัตรเครดิต สำหรับใช้ชำระค่าสินค้าแทนเงินสด ซึ่งก็คือบัตรเครดิตที่สามารถใช้ซื้อหรือชำระค่าสินค้าและบริการได้ตามห้างสรรพสินค้าที่มี ทั่วโลก สินเชื่อจะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยประมาณ 40-55 วันนับตั้งแต่วันใช้จ่ายจนถึงวันครบกำหนดชำระจริงสามารถผ่อนชำระสินค้าหรือบริการที่จ่ายโดยบัตรเครดิตได้ (ชำระขั้นต่ำ) 10% จากยอดใช้จ่ายจริง สำหรับยอดคงค้างจะถูกคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด (สูงสุด 20%) บัตรเครดิตจึงเป็นเสมือนบัตรที่พร้อมจะให้คุณและให้โทษกับคุณ หากใช้บัตรเครดิตอย่างไม่ระมัดระวัง และขาดวินัย ซึ่งจะเสี่ยงต่อการเป็นหนี้บัตรเครดิตอย่างแน่นอน ซึ่งผู้ถือบัตรเครดิต จะต้องมีวินัยและรู้ว่าทุกการใช้จ่ายสามารถที่จะนำเงินมาชำระคืนได้เมื่อถึงวันครบกำหนด
นอกจากบัตรเครดิตจะสามารถชำรค่าสินค้าได้แล้ว ยังสามารถเบิกเงินสดฉุกเฉิน โดยเสียค่าธรรมเนียมพิเศษผ่านบัตรเครดิต จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการใช้บัตรขำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิต ซึ่งจะคิดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ทำการเบิกเงินสดผ่านบัตรเครดิต โดยคิดเป็นรายวัน และการที่จะกดเงินสดจากบัตรเครดิต ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 28% ต่อปี และดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
จากที่กล่าวมาทั้งหมด เครดิตส่วนบุคคล จึงมีอยู่ 2 ประเภท คือสินเชื่อส่วนบุคคลที่เป็นในรูปแบบเงินกู้ และบัตรเครดิตที่เป็นบัตรใช้ชำระค่าสินค่าและบริการแทนเงินสด