การเงินนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคน ไม่ว่าจะระดับชนชั้นไหนก็ให้ความสนใจกับคำว่าเงินกันทั้งนั้น เพราะถึงแม้จะไม่ใช่ปัจจัยสี่ที่คนเรามีความจำเป็นต้องใช้ แต่ว่าเงินก็เป็นเสมือนหนึ่งในปัจจัยของการดำรงชีวิตไปซะแล้ว เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร อยากไปที่ไหน หรืออยากจะทานอะไรนั้นก็จะใช้เงินเป็นของแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการมา แม้แต่คนดังก็ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน และทำให้เกิดข้อคิดกับคนที่กำลังใช้เงินอยู่ได้ โดยเราจะมาดูบทสนทนาของโอเว่น และแอนนี่ที่ใช้แนวคิดการใช้เงินของคนดังมาใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเค้ากันได้เลย
โอเว่น : แอนนี่ช่วงนี้เธอดูเป็นคนประหยัดมากขึ้นมากเลยนะ เมื่อก่อนเราเห็นเธอใช้เงินเก่งมาก บ้าแบรนด์ไม่พอ ยังชอบซื้อของแพงอีก แล้วไหงตอนนี้จะซื้ออะไรก็ดูประหยัดไปหมดเลยล่ะ
แอนนี่ : อ้าว…ก็ตอนนี้เราเปลี่ยนความคิดแล้วนี่นา เพราะเราไม่อยากใช้เงินเปลืองอีกแล้ว เอาเงินที่ใช้จ่ายกับของแพงๆ ไปทำอะไรอย่างอื่นดีกว่า พอนึกถึงเมื่อก่อนที่เอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือย ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาเหมือนกัน
โอเว่น : โอ้โห ดีมากเลยน่ะเนี่ยที่เธอคิดได้แบบนี้ แล้วเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี่ย
แอนนี่ : ก็ไม่นานมานี่เอง ก็ทุกครั้งเราจะซื้อแต่ของแพงใช่ป่ะ แล้วพอกลับไปบ้านคุณพ่อคุณแม่ก็บ่นชุดใหญ่เลยอะ เราเลยหาที่เงียบๆ นั่งเล่น Facebook ไปเรื่อยๆ จนเจอ post หนึ่งที่บอกว่า “ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ” พอเราอ่านข้อความนี้เราหยุดคิดไปแป็บนึงแล้วย้อนกลับมาดูตัวเองว่า เฮ้ย! มันตรงกับสถานการณ์ของเราตอนนั้นมากๆ เลยเพราะเราใชจ่ายเงินแบบไม่รู้จักคุณค่า บางทีเราก็ไม่รู้ว่าราคาแพงคืออะไร เพราะเราไม่ได้สนใจตัวเลขอะไรเลย จนตัวเลขในบัตรเครดิต และเงินสดที่จ่ายมันเยอะมากๆ ถึงบ้านเราจะมีเงิน แต่รู้สึกว่าเราจะเป็นคนเดียวในบ้านที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสุดๆ
โอเว่น : โห เธอนี่ไม่เบาเลยนะเนี่ย ใช้เงินเก่งมากเลย เป็นเรานะพ่อแม่ด่าจนหูฉีกแน่ๆ
แอนนี่ : ก็ใช่น่ะสิ แล้วพอหลังจากนั้นเราก็เริ่มเปลี่ยนตัวเอง เวลาเราจะซื้ออะไรก็จะดูว่าเงินที่เราจ่ายไปมันคุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้มาหรือเปล่า เพราะว่าเงินทุกบาทที่เราใช้อยู่ตอนนี้มาจากคุณพ่อคุณแม่ของเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องช่วยเค้าประหยัด และอีกอย่างเราก็จะได้ไม่ต้องขอท่านบ่อยๆ เราคิดว่าเงินที่เราเอามาใช้ทุกวันเนี่ยซื้อบ้านได้เป็นหลังแล้วล่ะมั้ง
โอเว่น : เราอยากรู้จังเลยว่าคำพูดนี้เป็นของใครที่ทำให้เธอเปลี่ยนความคิด และเปลี่ยนนิสัยการใช้เงินได้มากจนถึงขนาดนี้
แอนนี่ : อ๋อ…เราอ่านเจอใน Facebook น่ะ แล้วเค้าลงท้ายว่า วอเรน บัฟเฟต เป็นนักลงทุนชาวอเมริการวยมากแล้วก็มีชื่อเสียงดังมาก เรานี่ให้เค้าเป็นไอดอลเราเรื่องใช้เงินเลยนะ อีกอย่างเราก็อยากจะร่ำรวยเหมือนเขาบ้างจัง ก็เลยขยันประหยัดและออมเงินนี่แหละ
โอเว่น : เราว่าเป็นคำพูดที่ดีมากเลยอะ เพราะว่าเราเห็นด้วยนะกับคำพูดนี้ อีกอย่างมันทำให้เราย้อนกลับมาคิดเลยล่ะว่าบางทีเงินที่เราใช้จ่ายมันมันก็ไม่คุ้มกับสิ่งที่เราได้มา บางทีเราอยากได้เพราะว่ามันแพง แต่ว่าบางทีก็ไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์อะไร พอได้มาใช้แค่ไม่กี่ครั้งก็เบื่อ ทั้งที่ซื้อมาด้วยราคาแพงแท้ๆ
แอนนี่ : เราก็คิดคล้ายเธอนะแต่ว่าบางทีคุณค่ามันอาจจะเปรียบเทียบไม่ได้ก็ได้นะ เพราะว่าบางครั้งเราซื้อของเราเต็มใจที่จะซื้อมันมา แล้วเราคิดว่ามันมีค่าสำหรับเรามาก ทั้งที่คนอื่นมองว่ามันมีค่าอะไรเลย แล้วพอเราจ่ายเงินไป เค้าก็มาวิพากษ์วิจารณ์เราว่าเราชอบซื้อของแพง แต่ที่จริงแล้วถ้าราคามากกว่านั้นและมันทำให้เรารู้สึกว่ามันมีคุณค่ามากเราก็ยินดีจะจ่ายนะ มันคิดได้หลายแบบนะ
โอเว่น : อ่า ใช่สิ
แอนนี่ : เพราะฉะนั้นเราเลยคิดว่าเวลาเราจะซื้ออะไรเราจะต้องดูราคาให้ดีๆ ก่อนที่เราจะจ่ายเงินออกจากกระเป๋าตัวเอง เพราะว่าบางทีเราเอาได้เงินมา แล้วเราเอาไปใช้จ่ายกับสิ่งของที่เราอยากได้ แต่เราลืมดูไปว่าเงินที่จ่ายไปมันเอาไปทำอะไรได้อีกเยอะเลยทีเดียว บางทีเราอาจจะหาของที่มีคุณค่าใกล้เคียงกันแต่ราคาถูกกว่าก็ได้ เพราะฉะนั้นเราเลยอยากจะแก้ไขปัญหาของเราตรงนี้แหละ
โอเว่น : ได้เลย เราเอาใจช่วยเธอนะ
ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน ก็ต้องรู้จักใช้จ่ายเงินให้เป็นและรู้จัก ออมเงิน กันทั้งนั้น เพราะคนรวยเขาก็ต้องเริ่มมาจากการ ออมเงิน เหมือนกันถึงจะมีเงินร่ำรวยขึ้นมาได้ ตรงกันข้ามหากรวยแล้วใช้เงินไม่เป็น ก็มีโอกาสที่จะล้มละลายได้สูงเช่นกัน ใครที่รู้ตัวว่าใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยอยู่ล่ะก็ ลองหันมาเปลี่ยนแนวคิด ออมเงิน ตามแนวคิดของ วอเรน บัฟเฟต ดู แล้วการเงินของคุณจะไม่มีปัญหาแน่นอน แถมยังอาจจะก้าวไปสู่ความร่ำรวยได้ไม่ยากอีกด้วย