ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยค่านิยมทางวัตถุเช่นนี้ คงยากที่จะสอนเด็กสักคนให้มีความรู้ช่ำชองในเรื่องของหลักเศรษฐศาสตร์ เพราะอะไรๆต่างก็ซื้อได้ด้วยเงิน ทำให้เกิดความเสี่ยงที่พวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักการวางแผนทางการเงิน ส่งผลให้ชีวิตล้มเหลวและตกเป็นภาระทางสังคมได้ในอนาคต
วิธีต่อไปนี้จะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นพร้อมกับความรู้ในด้านการเงิน รู้จักคำว่าพอเพียงเพื่อวันพรุ่งนี้ และเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยที่คุณไม่ต้องคอยพยุงเขาอีกต่อไป ว่าแต่จะมีวิธีใด สอนลูก บ้างนั้น ต้องไปติดตามกันเลย
1 อย่าสอนให้เขาซื้อพร่ำเพรื่อ
พื้นที่ในบ้านค่อนข้างกว้างขวาง คุณสามารถชวนเขาปลูกผักสวนครัวในช่วงวันหยุดใกล้หน้าฝน เพื่อสอนให้เขารู้จักประหยัด ไม่นำเงินไปซื้อผักตามร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่ราคาค่อนข้างสูง และทุกครั้งที่คุณให้เขาไปเก็บวผักเหล่านั้นมาให้คุณทำกับข้าว คุณก็ควรบอกเขาอ้อมๆด้วยว่าผักชนิดนั้น ในท้องตลาดตอนนี้มีราคาเท่าไหร่ เช่น “ ดีนะเนี่ย ที่บ้านเราปลูกไว้ เพราะกระเพราข้างนอกแพงมาก หอมสู้ที่เราปลูกเองก็ไม่ได้ “ เป็นต้น ถือเป็นการสอนอ้อมๆ โดยไม่ได้บังคับหรือยัดเยียดความรู้ทางด้านการเงินให้เขามากเกินไป
อะไรในบ้านที่พอซ่อมได้ คุณก็พาเขาซ่อม และแฝงความรู้ด้านการเงินไปด้วยพร้อมๆกัน เช่น กางเกงของเขาเป้าขาด แทนที่คุณจะนำไปจ้างช่างเย็บเหมือนทุกที คุณก็สามารถสอนให้เขาซ่อมมันด้วยตนเองได้ และเหมือนเดิม อย่าลืมแกล้งเปรยให้เขาทราบลอยๆว่า หากนำมันไปส่งซ่อมที่ร้าน จะเป็นยอดเงินจำนวนเท่าไหร่ และยอดเงินนั้นจะซื้ออะไรได้บ้างที่เป็นประโยน์กับคนในบ้าน แค่นี้ก้จะทำให้เขารู้จักที่จะเก็บออมเงินมากขึ้นและไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแล้วล่ะ อีกทั้งการสอนให้เขารู้จักนำสิ่งของที่พอซ่อมได้มาซ่อม ยังเป็นการฝึกทักษะในชีวิตประจำวันให้กับเขาอีกด้วย
2 สอนให้เขาทำตัวติดดิน
เพื่อให้เขาเตรียมรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจล้มเหลวโดยไม่คาดฝัน พยายามอย่าสอนให้เขาทานเป็นแต่ร้านอาหารภายในห้าง ควรสอนให้เขารู้จักร้านค้าข้างทางที่สะอาดและถูกสุขอนามัยบ้าง เพื่อให้เขาคุ้นชินกับการใช้ชีวิตที่ธรรมดา หากเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ เช่นภัยพิบัติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว เขาจะได้ทานอาหารบริจาคได้อย่างไม่ขัดเขิน และคิดมากว่าตัวเองตกต่ำ เดี๋ยวนี้พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะพาลูกไปเที่ยวห้าง ทานอาหารร้านหรูๆ บ่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นการสร้างนิสัยที่ผิดให้กับเขา เพราะฉะนั้นเราเปลี่ยนมาพาลูกไปทานอาหารตามร้านธรรมดาๆ หรือทานอาหารที่บ้านกันดีกว่านะ
ที่สำคัญ การสอนให้เขาใช้ชีวิตธรรมดานี้ จะช่วยให้เขากลายเป็นคนประหยัด อดออม และรู้จักคุณค่าของสิ่งของรอบตัวทุกชิ้น มีครอบครัวหนึ่งที่ผู้เขียนรู้จัก พวกเขามีลูกสาวเพียงคนเดียว แต่มีฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจน พ่อแม่ต้องการสร้างอนาคตให้เธอด้วยการส่งเธอเรียนในโรงเรียนนานาชาติ แถมด้วยการเรียนพิเศษต่างๆ ทุกวันเกิดจะต้องให้ของขวัญชิ้นใหญ่ เช่นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อดัง และจัดงานวันเกิดให้ เป็นต้น เมื่อเธอเข้ามหาวิทยาลัย พวกเขาก็กู้เงินซื้อรถยนต์ให้เธอ 1 คัน ทั้งๆที่พวกเขาเองก็มีหนี้สินมากมาย ให้ชำระขั้นต่ำต่อเดือนถึงเดือนละเกือบสองแสนบาท ในที่สุด เมื่อเธอเข้าสู่วัยทำงาน เธอก็กลายเป็นคนที่ใช้เงินเกินตัว และมีหนี้สินในรูปแบบของบัตรเครดิตมากมาย ในขณะที่พ่อกับแม่ยังชดใช้หนี้สินเดิมไม่หมด ส่งผลให้เธอกลายเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ หลอกขอบริจาคตามหน้าเพจต่างๆ เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จนถูกดำเนินคดี เพราะเธอไม่สามารถรับสภาวะความลำบากเหล่านั้นได้ เนื่องจากพ่อแม่สอนให้เธออยู่สูงเกินกว่าจะทำตัวธรรมดาได้อีกแล้ว
3 สอนให้เขาใช้เงินเพื่อการลงทุน
เช่น เมื่อเขาโตขึ้น เขาเป็นเด็กที่มีความสามารถในการวาดภาพ แต่ยังไม่ชำนาญพอ คุณก็แนะนำให้เขาเก็บเงินเป็นค่าเรียนพิเศษทางด้านนี้ โดยคุณจะช่วยออกให้ครึ่งหนึ่ง เมื่อเขาเรียนจนจบหลักสูตร คุณก็แนะนำให้เขาเปิดเพจรับวาดภาพเหมือน หรือภาพล้อเลียน รับทำงานของนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยที่ไม่มีเวลาทำเอง วิธีนี้คือการสอนให้เขาลงทุนเพื่อตัวเขาเอง ซึ่งจะทำให้เขาภูมิใจมาก ที่สามารถหาเงินด้วยตัวเองได้ตั้งแต่ก่อนเรียนจบ
อย่าผลักดันให้เขาทำตามเด็กคนอื่น หรือทำตามความฝันของคุณที่คุณไม่มีโอกาสได้ทำ เช่น คุณเคยอยากเป็นดารา คุณก็ผลักดันลูกไปเรียนการแสดงตามสถาบันราคาแพง ซึ่งทำให้ลูกของคุณเปลี่ยนนิสัยไปเปล่าๆ แถมยังกลายเป็นเด็กที่ทะเยอทะยาน หรืออาจจะมีปัญหาเพราะถูกบังคับไปเลยก็ได้
ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่ใช้ในการสอนลูกให้รู้จักคำว่าพอเพียง ซึ่งถือเป็นวิธีหนึ่งที่ฝึกนิสัยทางการเงินของเขาได้อย่างดีเยี่ยม และไม่ทำให้เขารู้สึกว่าถูกบังคับ ส่งผลให้เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินอย่างงดงาม โดยที่คุณไม่ต้องตามดูแลเขาอีกต่อไป ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปสอนลูกน้อยของคุณกันดูนะคะ เริ่มตั้งแต่วันนี้ตั้งแต่เขายังเด็ก เพื่อให้เกิดการซึมซับเข้าสู่จิตใจของเขาจนเป็นนิสัยได้นั่นเอง