ปัจจุบันทองคำมีราคาสูงขึ้น ทำให้หลายๆคนที่มีรายได้น้อยและอยากสะสมหรือซื้อทองเก็บไว้ทำได้ยากขึ้น ซึ่งการ ผ่อนทอง นั้นถ้าจำไม่ผิดเริ่มนิยมตั้งแต่สมัยทองยังมีราคาแค่บาทละ 8000-10000 บาทซึ่งการเข้ามาของ บัตรผ่อนสินค้า แบบสถาบันการเงินที่ไม่ใช้ธนาคารนั้นเป็นที่นิยมกันมากในยุคนั้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำเหมือนการ ผ่อนสินค้า ทั่วไป ซึ่งราคาทองก็จะไม่หนีจากการซื้อเงินสดมากนักแต่อาจจะมีจ่ายเงินสดค่ากำเหน็จบ้าง หรือ บางร้านรวมเป็นยอดผ่อนไปเลยก็มี ซึ่งสมัยนั้นการ ผ่อนทอง เป็นอะไรที่ฮิตมากๆ
ปัจจุบันการซื้อทองด้วยบัตรเครดิต หรือ บัตรผ่อนสินค้า ก็ยังนิยมกันอยู่ แต่ส่วนมากจะโดนชาร์ทค่าธรรมเนียม
สำหรับการใช้บัตรเครดิต และ มีอัตราดอกเบี้ยเหมือนสมัยก่อนแต่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสำหรับการ ผ่อนทอง นั้นคือ ดอก 0.55-1.29% แล้วแต่บัตรของแต่ละแห่ง และ มีค่าบริการด้วย 2.5% สำหรับบางบัตรด้วย หากคำนวณรวมกันทั้งค่าทอง ค่าผ่อนแล้ว ก็ถือว่าแพงเอาการพอสมควร คำนวณง่ายๆเช่น ราคาทองรวมกำเหน็จ รวมอัตราดอกเบี้ย และ ระยะเวลาการผ่อน
ตัวอย่างสูตร การคำนวณดอกเบี้ยและยอดชำระรายเดือน
ดอกเบี้ยรวม = ราคาสินค้า(รวม VAT แล้ว) X ดอกเบี้ย X จำนวนเดือน
ราคาเช่าซื้อ = ราคาสินค้า(รวม VAT แล้ว) + ดอกเบี้ยรวม
ยอดชำระรายเดือน = ราคาเช่าซื้อ / จำนวนเดือน
ตัวอย่างการคิดเงิน
ราคาสินค้า 10,000 บาท ดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน จำนวนเดือน 12 เดือน
ดอกเบี้ยรวม = 10,000 X 1.5% X 12 = 1,800
ราคาเช่าซื้อ = 10,000 + 1,800
ชำระรายเดือน = 11,800 / 12 = 983
ฉะนั้นจะต้องชำระรายเดือน = 983 บาท
ซึ่งสูตรนี้จะใช้ได้กับทุกการผ่อนหากมีค่าธรรมเนียมอื่นๆก็ให้บวกเพิ่มเข้าไป จะเห็นได้ว่าหากดอกเบี้ยสูง และ ระยะเวลาการผ่อนนานก็จะให้มูลค่าสินค้าที่เราซื้อมานั้นสูงตามไปด้วย แต่หากเรามีกำลังที่จะผ่อนไหวในระยะสั้นๆ ก็ถือว่าการ ผ่อนทองคุ้มค่าคุ้มค่าอยู่พอสมควรสำหรับคนทีมีรายได้น้อยแต่อยากมีทรัพย์สินเก็บไว้ในอนาคต และ ทองคือทรัพย์สินที่สามารถซื้อได้ง่าย ขายได้ง่ายหากถึงคราวจำเป็นในการใช้เงิน แต่ การผ่อนทองนั้นควรดูข้อมูลของแต่ละบัตรให้ดีๆ เพราะบางบัตรนอกจากดอกเบี้ยสูงแล้วยังมีค่าธรรมเนียมแฝงกันเป็นรายเดือนด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่สังเกตกัน
โดยค่าธรรมเนียมนี้จะเป็นค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน แม้ว่าเราจะผ่อนสินค้าหรือผ่อนทางอย่างเดียวผ่อนเส้นเดียวหนเดียวหลายคนคิดว่าค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเก็บในครั้งแรกที่เราเปิดการผ่อน แต่จริงๆแล้ว ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินนั้นบางสถาบันการเงินเก็บทุกบิลจากเงินต้นคงเหลือของเราที่ผ่อนมาเรื่อยๆ ตามแต่สถาบันการเงินเจ้าของบัตรจะกำหนดซึ่งมันแฝงมาในทุกครั้งโดยที่เราไม่สังเกตกันเอง ทำให้หลายๆคนคิดว่าการผ่อนทองนั้นไม่คุ้มค่า จึงนิยมซื้อเงินสดมากกว่าเงินผ่อน แต่สำหรับบางคนก็เลือกผ่อนกับสถาบันการเงิน หรือ บัตรที่คิดอัตราดอกเบี้ยไม่สูง และ เลือกจำนวนเดือนไม่มากเช่น 6-12 เดือนซึ่งถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่พอดี และเลือกทองที่มีน้ำหนักไม่เกิน 1-2 บาท ในการเก็บสะสม และบางคนก็ผ่อนกันเรื่อยด้วยหมดเส้นนี้ก็ผ่อนเส้นใหม่ผ่อนเก็บๆไว้ เพราะราคาทองนั้นผันผวนน้อย บางช่วงทองลงราคาก็จะมีคนไปซื้อไปผ่อนไว้ พอราคาขึ้นบางคนนำออกชายได้เงิน หรือ บางคนก็ยังเก็บไว้เพราะอนาคตราคาทองน่าจะสูงขึ้นกว่านี้
บทความนี้ไม่ได้สอนให้เป็นหนี้แต่การ ผ่อนทอง ก็ยังดีกว่าการผ่อนสมาร์ทโฟน หรือ แทปเลต เพราะของเหล่านั้นออกจากร้านมาก็ราคาหายไปหลายพันแล้ว เมื่อนำไปขายเป็นมือสองจะขาดทุนตัวเงิน แต่กำไรใช้แค่นั้นเอง ผิดกับทองยิ่งเก่ายิ่งดี ยิ่งเก็บยิ่งมีมูลค่า และ ยามร้อนเงินก็ขายได้ จำนำได้ ราคาไม่ตกไปมากกว่า 2000 บาท ดังนั้นหากคุณมีรายได้ไม่มาก มีบัตรผ่อนสินค้า ไม่มีภาระผ่อนหรือหนี้สินอื่นๆ ก็ลองมา ผ่อนทอง เก็บไว้รับรองว่ามีประโยชน์มากกว่าอย่างอื่นแน่นอน