การออม อย่างถูกวิธี และเป็นไปตามแผน จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการออม บางครั้งยังถึงเป้าหมายก่อนระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ในตอนแรกเสียอีก
เทคนิคที่เราจะกล่าวต่อไปนี้เป็นเทคนิคยอดนิยม และสามารถทำให้การออมของคุณประสบความสำเร็จได้
1. เก็บออมก่อนเหลือเท่าไรค่อยใช้
เชื่อว่าหลายคนยังชอบที่จะใช้ก่อนเหลือเท่าไรค่อยออม แต่วิธีที่ได้ผลจริงคือ ออมก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยใช้ เช่น หากเราต้องการ ออมเงิน ประมาณ 15% ของรายได้ เมื่อเรามีรายได้เข้ามาก็ควรจะหัก 15% ออกไปเพื่อการออมเลย ที่เหลือค่อยนำไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เราออมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. แบ่งบัญชีเงินออมเป็นระยะ สั้น กลาง ยาว
เมื่อเราได้ตัวเลขที่จะออมในแต่ละเดือนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือนำเงินออมที่หักไว้มากระจายในแต่ละบัญชี โดยแบ่งเป็นบัญชีระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งเราควรจะกำหนดเป้าหมายไว้ว่า
บัญชีระยะสั้น จะใส่เงินออมลงไปกี่เปอร์เซ็นต์ เงินที่เก็บไว้นี้จะนำไปทำอะไรบ้าง เช่น กำหนดไว้ว่าบัญชีนี้จะเป็นเงินเก็บเพื่อการลงทุน เมื่อได้เงินจำนวนหนึ่งแล้ว สามารถโยกไปไว้ในบัญชีระยะกลางต่อไปได้
บัญชีระยะกลาง นำเงินออมระยะสั้นที่ออมได้มาลงทุนต่อยอดในบัญชีระยะกลาง บัญชีนี้อาจเป็นบัญชีฝากประจำที่ให้ดอกเบี้ยสูง หรือบัญชีสำหรับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เช่น ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซื้อสลากออมสิน หรือลงทุนในหุ้นปันผล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่ต้องการ และความสามารถในการรับความเสี่ยง
บัญชีระยะยาว เป็นบัญชีเงินออมเพื่อวัยเกษียณ ให้นึกภาพตัวเองในอีก 30-40 ปีข้างหน้าว่าเราจะเป็นคนแก่แบบไหน ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างไร และต้องมีเงินเก็บเท่าไรถึงจะอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก สิ่งสำคัญคือ เงินในบัญชีนี้ควรนำไปลงทุนเพื่อดอกผลในระยะยาวเพื่อป้องกันการด้อยค่าของเงิน การลงทุนในระยะยาวที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ลงทุนในกองทุนแบบ Passive Fund เป็นต้น
3. ทำบัญชีฉุกเฉิน
สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราหวาดกลัวที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการตกงาน หรือเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ขาดรายได้ ยิ่งถ้าเรามีภาระไม่ว่าจะเป็นผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต หรือมีครอบครัวที่ต้องดูแล การขาดรายได้คงจะเป็นฝันร้ายทีเดียว
ฉะนั้นบัญชีฉุกเฉิน จึงเป็นหลักประกันทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เทคนิคในการเก็บเงินในบัญชีฉุกเฉิน คือ คำนวณค่าใช่จ่ายในแต่ละเดือนว่าต้องจ่ายอะไรบ้าง เช่น ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าเช่าหอ เป็นต้น แล้วจึงนำรายจ่ายมาคูณด้วยจำนวนเดือน บัญชีฉุกเฉินนี้ควรมีเงินเก็บมากกว่าค่าใช้จ่ายใน 6 เดือน นั่นหมายความว่า คุณสามารถตกงานได้ 6 เดือนโดยไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดรายได้ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
หรือถ้ามีความสามารถที่จะเก็บเงินได้มากกว่านี้ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะคุณจะมีหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงขึ้น เงินในบัญชีนี้ไม่ควรนำมาใช้อย่างเด็ดขาดถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ และควรเป็นบัญชีที่ไม่ผูกติดกับบัตรกดเงินสดหรือการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ เพราะจะทำให้คุณเผลอตามใจตัวเองนำเงินออกมาใช้จ่ายได้ง่าย
4. ให้เงินออมทำงานผ่านการลงทุน/กองทุนรวม/หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์
วิธีที่จะทำให้เงินออมงอกเงยนั้นมีมากมาย หากเราสามารถทำตามขั้นตอน 3 ข้อแรกได้สำเร็จ บัญชีเงินออมระยะสั้น กลาง และยาว ของเราจะเป็นเงินทุนที่เราสามารถนำไปลงทุนต่อยอดได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น ลงทุนในกองทุนรวม หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เพื่อปล่อยให้เช่า ที่สำคัญ ก่อนที่จะลงทุนอะไรก็ตามควรจะศึกษาข้อมูลให้ดี ประเมินตนเองว่าสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน ตรวจสอบเป้าหมายการ ออมเงิน และการลงทุนของเราว่าตรงกันหรือไม่ เช่น บัญชีออมเงินระยะสั้นควรมีสภาพคล่องเสมอ การซื้อขาย หรือเบิก ถอน ต้องไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องรอนาน เป็นต้น หรือเรากำหนดไว้ว่าบัญชีออมเงินระยะยาวนั้นจะเน้นไว้ใช้ยามเกษียณ การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณก็คงจะเป็นคำตอบที่ดี
สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงเสมอ คือ การลงทุนแต่ละแบบนั้นมีผลตอบแทน ความเสี่ยง และระยะเวลาในการลงทุนที่แตกต่างกัน ควรศึกษาข้อมูล และหารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด