ในยุคสมัยที่ร้านค้าสะดวกซื้ออย่าง ร้าน 7-Eleven กระจายตัวออกไปทั่วทุกพื้นที่ ทุกภูมิภาค ไม่เว้นแม้แต่ในต่างจังหวัดหรือต่างอำเภอ อย่างน้อยล่ะต้องมีสักที่ที่มีไว้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง ซึ่งใครหลายคนก็ชื่นชอบการเข้าไปซื้อสินค้าในร้าน 7-Eleven
เหตุผลหลักๆคือ มีสินค้าให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสำเร็จรูป ข้าวสาร อาหารแห้ง มาม่า ยันปลากระป๋อง รวมไปถึง หนังสืออ่านเล่นสำหรับนักเดินทางท่องเที่ยว หมวก แว่นตากันแดด ในราคาที่ประหยัด และยังมียาสามัญประจำบ้านต่างๆอีกด้วย เรียกได้ว่า เข้าร้านสะดวกซื้อที่เดียวได้ของใช้กลับออกไปครบครันตามที่เราต้องการ จึงไม่แปลกที่จะเห็น ร้าน 7-Eleven ตั้งอยู่ในบริเวณปั๊มน้ำมันหรือใกล้ตลาดสดแหล่งชุมชน โรงพยาบาล และโรงเรียน ติดถนนและอยู่ในตัวเมืองนั่นก็เป็นเพราะว่าสถานที่เหล่านั้นมีคนพลุกพล่านเยอะ เป็นแหล่งเศรษฐกิจมีโอกาสที่จะได้ขายสินค้ามากตามจำนวนคนที่เข้ามา
เราในฐานะที่เป็นผู้บริโภค หากได้โอกาสออกไปซื้อของเข้าบ้านแต่ละที อาจจะช้อปเพลินจนลืมดูเงินในกระเป๋า ดังนั้นวันนี้เราจึงมีทางออกและคำแนะนำในการใช้จ่ายในการซื้อของ ในร้าน 7-Eleven ว่า เข้า 7-11 ซื้ออะไร ไม่ให้เกินงบ ? มาฝากกันค่ะ
- กำหนดงบประมาณการใช้จ่ายในแต่ละครั้งเช่น ซื้อไม่เกิน 35 บาท 50 บาท 100 บาท 200 บาทเป็นต้น จะช่วยควบคุมการใช้จ่ายไม่ให้ซื้ออะไรมากเกินความจำเป็นที่เราต้องการและจำเป็นจริงๆ แนะนำให้พกเครื่องคิดเลขหรือโทรศัพท์ไปคิดคำนวณเงินก่อนจ่ายตังค์ด้วย
- เรียงลำดับความสำคัญ สิ่งที่เราจะซื้อว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ตามลำดับเช่น จำเป็นมาก(ไม่ซื้อไม่ได้) จำเป็นน้อย(ไม่ซื้อก็ได้ไม่เดือดร้อน) ไม่จำเป็นเลย(เสียตังค์แต่ไม่เกิดประโยชน์) การที่เราเรียงลำดับ คิดแยกแยะได้แบบนี้จะช่วยให้เรานั้นมีเหตุผลและเกิดประสิทธิภาพในการใช้จ่ายมากขึ้น เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้ของที่เราต้องการและมีความจำเป็นอีกด้วยจ้า
- ซื้อยกแพคประหยัดกว่า การซื้อของเป็นแพคที่ได้หลายๆชิ้นนั้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น แถมยังใช้ได้นานอีกด้วย อย่างเช่น เทียนไข ผ้าอนามัย กระดาษชำระ น้ำดื่ม นม โยเกิร์ต เป็นต้น นอกจากนี้ การเลือกซื้อตามราคาโปรโมชั่นอย่าง ซื้อคู่ได้ส่วนลด เช่น กาแฟคู่กับขนมปัง, แซนวิชคู่กับนม,ซาลาเปาลูกเล็กคู่กับติ๋มซำ เป็นต้น นอกจากจะได้อิ่มอร่อยแล้ว ยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าไปได้ตั้งหลายบาทเลยทีเดียว
- การเลือกใช้สิทธิ์แลกซื้อสุดคุ้ม ใบเสร็จมีค่าอย่างทิ้งนะคะ ทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายใน 7-Eleven ทุกๆ 40 บาทจะได้รับ 1 สิทธิ์แลกซื้อ ถ้าเราสังเกตดีดีตามเชลฟ์วางสินค้าจะมีป้ายบอกอยู่นะคะว่า สินค้าใดสามารถใช้สิทธิ์แลกซื้อได้ แต่ว่าตอนนี้มีโปรโมชันอยู่นะคะระยะเวลาโปรโมชั่น 26 กรกฎาคม – 25 สิงหาคม 2558 นี้เท่านั้นห้ามพลาดกับโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนัก Rilakkuma (ริลัคคุมะ)ทุก 50 บาทรับแสตมป์หนึ่งดวงมีค่า 1 บาท หรือซื้อสินค้าที่ร่วมรายการรับแสตมป์ แจกหนักสูงสุด 3 – 120 บาท (แสตมป์ใช้แทนเงินสด – สะสมของพรีเมียม – ทำบุญ)* สมาชิก 7 card รับแสตมป์เพิ่ม 1.-
รายการของพรีเมียม และรายการส่วนลดประจำเดือน สิงหาคม 2015 (ใช้แสตมป์แลกซื้อ หรือ แต้ม 7-card)
- แสตมป์ 119 (หรือ 5,950 แต้ม) + 1 บาท แลก หมอนผ้าห่มมีฝันดีริลัคคุมะ
- แสตมป์ 249 (หรือ 12,450 แต้ม) + 1 บาท แลก ชุดถนอมอาหารจุใจริลัคคุมะ
- แสตมป์ 549 (หรือ 27,450 แต้ม) + 1 บาท แลก ชั้นวางของริลัคคุมะ
- แสตมป์ 719 (หรือ 35,950 แต้ม) + 1 บาท แลก เก้าอี้ริลัคคุมะ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ในร้าน 7-Eleven เราสามารถเข้าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ 7-Eleven ก่อนไปซื้อยิ่งจะทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและสามารถคำนวณค่าใช้จ่าย ประเมินเป็นงบประมาณเบื้องต้นคร่าวๆได้จ้า
- ใช้จ่ายผ่านบัตร 7-Card อาจจะไม่ใช่วิธีประหยัดเงินในกระเป๋า แต่บัตรจะช่วยให้เราสามารถตั้งงบประมาณการเงินไว้อัตโนมัติค่ะว่า เราจะมีวินัยในการใช้จ่ายอย่างไร เช่น เราอาจจะเลือกเติมเงินไว้สัปดาห์ละ 200 -500 บาท ในกรณีที่ไม่ค่อยได้ใช้จ่ายอะไรมากมาย หรือเติมเงินไว้ในบัตรเดือนละ 1,000 บาท และห้ามไม่ใช้จ่ายให้เกินนี้ วิธีนี้จะช่วยตัดทอนรายจ่ายของเราอย่างชัดเจนว่าเราจะหมดค่าใช้จ่ายในส่วนของการซื้อของในร้าน 7-Eleven นั้นไปมากน้อยเท่าไหร่ และนอกจากนั้น 7-Eleven ยังมีการสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัลหรือสามารถใช้แต้มสะสมนั้นแทนเงินสดได้ โดยการซื้อทุกๆ 10 บาทจะได้รับ 5 แต้ม หรือการจ่ายทุกๆหนึ่งบิล รับแต้มสะสม 5 แต้ม เป็นต้น อายุการใช้งานของบัตรอยู่ที่ 3 ปี เมื่อแต้มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เราก็สามารถใช้แต้มนั้นเป็นเงินสดได้เลยค่ะ
- อย่าใช้เวลาในร้านสะดวกซื้อนานเกินไป เพราะอาจจะเผลอหยิบสินค้าบางอย่างที่ไม่จำเป็นติดมือมาด้วย อย่างเช่น ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม หรือสินค้าลดราคาซื้อ 1 แถม 1 ต่างๆเหล่านี้ ถ้าเผลอเรอจนเป็นนิสัย การควบคุมการใช้จ่ายเงินก็จะเป็นเรื่องยากเข้าไปอีก
เคล็ดลับทั้ง 6 ข้อนี้ ลองๆเอาไปใช้กันดูนะคะ อาจจะช่วยได้บ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความเข้มแข็งในการเอาชนะใจตนเองได้นั่นแหละค่ะ เราสามารถนำทริคนี้ไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้ ไม่เพียงแต่เฉพาะร้านสะดวกซื้อเท่านั้นค่ะ แต่รวมไปถึงทุกๆการใช้จ่ายเลย
นอกจากนี้การซื้อของผ่านเว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีในการควบคุมงบในการซื้อของแต่ละครั้ง เพราะเราจะสามารถทราบราคารวมของสินค้าที่เราเลือกทั้งหมด ก่อนที่จะคลิกยืนยันการจ่ายเงิน หากเกินงบเราก็จะทราบและสามารถเลือกตัดของที่ไม่จำเป็นออกไปได้ทันที วันนี้ก็ขอฝากทริคเล็กๆในการซื้อของไว้เท่านี้ หากนำไปปฏิบัติตามแล้วละก็ รับรองว่า ซื้อของแต่ครั้ง จะไม่เกินงบและมีเงินเหลือเก็บในกระเป๋า แน่นอนค่ะ
ซื้อของจากเซเว่น ง่ายๆ จากที่บ้าน ผ่านหน้าจอคอม กับ ShopAt7.com คลิก!