การเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจนั้น มีองค์ประกอบที่สำคัญคือ การลดภาระรายจ่าย – เพิ่มรายได้ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วยาก และมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ลองมาดูตัวอย่างแนวคิด และวิธีปฏิบัติ ที่อาจจะนำไปปรับใช้กับ ธุรกิจ ของคุณได้กัน
Technology
การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงานเป็นเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณาในยุคนี้ การลงทุนในเรื่องเครื่องจักร หรือระบบไอที บางครั้งอาจจะดูเป็นการลงทุนที่ยังไม่จำเป็น หรือใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง แต่ถ้าหากสามารถเพิ่มคุณภาพของงาน ย่นระยะเวลาในการทำงาน ลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของแรงงาน ได้ทั้งหมด ก็ถือว่าคุ้มค่า สามารถเพิ่มผลผลิต และมูลค่าให้ ธุรกิจ ของคุณได้อย่างแน่นอน
Energy
การลดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงาน ข้อนี้เป็นนโยบายของแทบทุกองค์กรอยู่แล้ว เพียงแต่เน้นย้ำให้ทำกันแบบจริงจัง ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ทุกชนิดที่ไม่ได้ใช้ สร้างจิตสำนึกด้านการประหยัดพลังงาน พยายามปลูกฝังให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร จึงจะสามารถเห็นผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมได้
Outsource
จ้างคนอื่นมาช่วยงานในส่วนที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ หากมีงานส่วนใดที่สามารถถ่ายโอนได้ การจ้างมืออาชีพหรือบริษัทที่เชื่อถือได้เข้ามาดูแล อาจจะดูเหมือนเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย แต่ที่จริงแล้ว เป็นการใช้คนให้ถูกกับงาน ผลลัพธ์จะออกมาดี และมีคุณภาพ เทียบกับมูลค่าแล้วคุ้มกับเงินที่ลงทุนไปแน่นอน
Evaluate
ประเมินความสามารถของพนักงานในองค์กรอยู่เสมอ พนักงานที่ดีจำเป็นจะต้องมีพัฒนาการที่ดี เมื่ออายุงานเพิ่มขึ้น ความสามารถและคุณภาพของงานควรจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย การประเมินคุณภาพของพนักงาน อย่างน้อยปีละครั้ง จะช่วยให้คุณภาพโดยรวมขององค์กรดีขึ้น และแน่นอนว่าพนักงานที่มีคุณภาพ จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน และเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจของคุณได้อย่างมาก
Network
หาพันธมิตร หรือเครือข่ายที่อาจจะมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ ธุรกิจ ของคุณได้ พันธมิตรในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคู่ค้าทางธุรกิจโดยตรง อาจจะอยู่ในธุรกิจส่วนอื่น ๆ ที่สามารถเข้ามาเติมเต็มในจุดที่คุณต้องการในอนาคตได้ อย่างเช่นอาชีพที่ปรึกษาทางการเงิน หรือนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทขายประกัน หรือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
Aggressive
ทำธุรกิจในเชิงรุกให้มากขึ้น เพิ่มความดุดันทางการตลาด อย่ารอให้ลูกค้าเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาเรา ธุรกิจทุก ๆ อย่างมีการแข่งขันทั้งนั้น หากเราอยู่นิ่งจนเกินไป อาจเสียโอกาสทางการค้าให้คู่แข่งได้
Target
ตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ธุรกิจบางอย่างมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ต้องพยายามหว่านแหไปทั่วเพื่อหวังทำการตลาดในทางกว้าง ทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ชัดเจน แม้จะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
Current Customer
ให้ความสำคัญสร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มมูลค่าทางการค้ากับลูกค้าที่มีอยู่ พอๆกับการหาลูกค้ารายใหม่ จริงอยู่ที่การขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นจะเป็นผลดี ในการเพิ่มโอกาสทางการค้า แต่ลูกค้ารายเดิมที่มีอยู่แล้ว คือความมั่นคงของธุรกิจอย่างแท้จริง พยายามหาช่องทางในการเพิ่มมูลค่าทางการค้า ดูแลและรักษาคุณภาพในการบริการให้ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้าอยู่กับธุรกิจของเราไปอีกนาน
Confident
มีความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ อย่าหยุดอยู่กับที่ จงกล้าที่จะวิ่งเข้าหาลูกค้า หรือองค์กรที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หากต้องการความก้าวหน้า และเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ การที่จะไต่ระดับแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ แต่อย่าให้ความล้มเหลวมาหยุดความเชื่อมั่นในตัวคุณ พยายามไปเรื่อย ๆ ความสำเร็จเพียงแค่ครั้งเดียวอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในธุรกิจได้
Learning
ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อย่าหยุดคิดที่จะเรียนรู้ ความรู้ความสามารถทุกอย่างที่เพิ่มขึ้นของคุณ จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับ ธุรกิจ ไปด้วย สุดการเรียนรู้จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และโอกาสในการทำเงินให้ธุรกิจของคุณเพิ่มขึ้น
Take a break
หาเวลาหยุดพักผ่อน เติมความสดชื่นให้สมอง และให้รางวัลกับชีวิตบ้าง การประสบความสำเร็จโดยการโหมทำงานทั้งวันทั้งคืน โดยไม่มีการพักผ่อนที่เหมาะสมและเพียงพอ อาจทำให้เกิดความผิดพลาด ทั้งในเรื่องของการตัดสินใจ คุณภาพของงาน ที่สำคัญคือขาดความคิดสร้างสรรค์ ทางที่ดีแล้ว หาเวลาหยุดพัก ปิดสวิทซ์ตัวเองซะบ้าง การพักผ่อนเพื่อเติมพลัง เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจอย่างหนึ่ง
ทั้งหมดเป็นตัวอย่างแนวความคิดและวิธีปฏิบัติ ที่จะเพิ่มมูลค่า หรือทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ จริง ๆ แล้วมีอีกหลายแนวทาง ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้
ที่สำคัญคือ อย่าหยุดคิด อย่าหยุดเรียนรู้ หยุดความพยายาม ธุรกิจแต่ละประเภทมีกุญแจที่จะนำไปสู่ความสำเร็จไม่เหมือนกัน ถ้าพบกุญแจก็เหมือนพบความสำเร็จไปด้วย