เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะหันหน้าไปคุยกับใคร ก็มีแต่คนสนใจเรื่องการลงทุน มีต่คำถามว่า เลือกลงทุนแบบไหนดี และไม่ใช่แค่ในกลุ่มของผู้ใหญ่วัยทำงานอีกต่อไปแล้ว หนุ่มๆสาวๆ นักศึกษา 20-25 ต้นๆ ก็เริ่มที่จะสนใจเรื่องซื้อหุ้นกันบ้างแล้ว เรียกได้ว่า ถ้าใครไม่รู้จักก็ถือว่าเชย แตกต่างจากสมัยก่อนๆ ถ้าเมื่อพูดถึงเรื่องเงินๆทองๆ หรือการลงทุน มักมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัว และจะต้องเหมาะกับคนรวยๆหรือคนที่ทำธุรกิจเท่านั้น แต่เมื่อถึงยุคที่ข้อมูลข่าวสารไปไวมาไวเทียบเท่าความเร็วแสง เทคโนโลยีช่วยให้เราเปิดโลกกว้าง ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนผ่านสื่อต่างๆ ยิ่งทำให้คนเรามีความคิดริเริ่มมากขึ้น
เพราะฉะนั้น นอกจากความคิดอ่านที่อยากลองลงทุนดูบ้างแล้ว ถ้าเราอยากลงทุน เราก็ต้องดูด้วยว่าเราเหมาะกับการ เลือกลงทุนแบบไหนดี เพราะการลงทุนจะว่าไปแล้วก็เหมือนกับการซื้อโทรศัพท์ บางคนซื้อตามการใช้งานจริงๆ บางคนซื้อตามคนอื่นโดยไม่เกี่ยงว่าจะจ่ายมากจ่ายน้อยเท่าไหร่ แต่พอเอามาใช้งานแล้ว กลับเอาไปใช้ได้ไม่แค่กี่อย่าง การลงทุนก็เหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว เรามาตรวจสอบตนเองกันดีกว่า ว่าเรานั้นเหมาะกับการลงทุนแบบไหน
ฝากเงินกับธนาคาร
ไม่ว่าจะเป็น ฝากแบบออมทรัพย์เบิก-ถอน ใช้จ่ายปกติ , ฝากประจำ ได้ดอกเบี้ย,ซื้อสลากออมสิน ลุ้นโชค เป็นต้น การลงทุนแบบเงินฝากนี้มีความเสี่ยงต่ำ เพราะโอกาสที่เงินต้นจะสูญเปล่านั้นมีน้อยมากๆ แต่ผลตอบแทนในเรื่องของดอกเบี้ยอาจจะน้อยกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ ดังนั้น จึงเหมาะกับบุคคลที่เพิ่งริเริ่มวางแผนการเงิน วางแผนการใช้จ่ายทั่วไป และต้องการความมั่นคงในการบริหารจัดการเงิน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ต้องการเห็นผลแน่นอนในระยะสั้นๆ
ซื้อทองคำ ตราสารหนี้หรือปล่อยเงินให้กู้
เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะ เสี่ยงตรงที่เงินต้นอาจจะได้คืนหรือไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างการซื้อทองคำเราก็ต้องศึกษาให้ดีก่อนถ้าคิดจะเก็บจริงๆ ถึงแม้ว่าจะลงทุนในช่วงที่ราคาทองมันลงแต่ก็ใช่ว่าเราจะขายได้พอเหมาะในช่วงขาขึ้น ยิ่งถ้าคิดว่ามันคงจะขึ้นได้อีกยิ่งอยากเก็บไว้ แต่พอเดือดร้อนจะใช้เงินจริงๆกลับจำเป็นต้องขาย ถ้าได้ราคาสูงก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าได้ราคาต่ำกว่าที่ซื้อมามันก็น่าเสียดายใช่ไหมล่ะ การซื้อตราสารหนี้หรือปล่อยกู้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าองค์กร/บุคคลที่เราลงทุนด้วยหรือปล่อยกู้ให้ เครดิตไม่ดีขาดสภาพคล่องแล้วล่ะก็ โอกาสการเบี้ยวหนี้หรือจ่ายดอกช้าก็สูง แต่ถ้าอยากลงทุนจริงๆ ก็ควรตรวจสอบประวัติและมองสถานการณ์ความเป็นไปได้ด้วยว่า มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
กองทุนรวม
เป็นการระดมเงินลงทุนจากผู้ลงทุนหลายๆคนเพื่อนำเงินที่ได้ไปบริหารจัดการธุรกิจหรือกิจการนั้นๆให้เกิดรายได้และผลกำไร ความเสี่ยงนี้เริ่มจะเป็นความเสี่ยงที่เราควบคุมไม่ได้แล้ว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับบริษัทหรือองค์กรที่เรานำเงินไปลงทุนด้วย แต่กองทุนรวมมักจะเหมาะกับบุคคลที่อยากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำงานประจำไม่ค่อยมีเวลามาจัดการเอง คือมีหน้าที่จ่ายเงินแล้วรอปันผลตามระยะเวลาที่กำหนด กองทุนรวมจะเป็นคนทำหน้าที่จัดสรรแบ่งผลประโยชน์ตามสัดส่วนที่สมควรจะได้รับ แต่เราเองก็ต้องมั่นใจในระดับหนึ่งและเลือกลงทุนกับบริษัทของผู้มีความสามารถในการบริหารจัดการที่ดีพอ
ลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวหรือซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการลงทุนและหวังผลระยะยาว มีข้อมูลหรือศึกษาวิเคราะห์เศรษฐกิจอยู่สม่ำเสมอ จะเห็นได้ว่า บุคคลเหล่านี้ต้องใช้ความสามารถทั้งการประกอบธุรกิจ จะทำอะไรดี หรือการเลือกซื้อหุ้น ตัวไหนดี ตัวไหนที่มีแนวโน้มจะราคาสูงในอนาคต ถ้ามองพลาดก็คือพลาด สมมติซื้อมาแล้วเกิดราคาตกต่ำ ส่วนต่างที่คิดว่าจะได้มากกว่าที่ซื้อมากลับลดลงต่ำกว่านั้น ก็อาจจะทำให้เราขาดทุน ถ้าทนไม่ไหวขายต่อในราคาที่ต่ำยิ่งไปกันใหญ่ ฉะนั้นแล้วซื้อหุ้นนอกจากจะต้องวิเคราะห์เป็น ยังต้องอนทนรอให้เป็นด้วย ถึงแม้วันนี้จะราคาตก ไม่แน่ อนาคตอาจจะพุ่งสูงขึ้น ธุรกิจก็เช่นกันเมื่อเลือกทำแล้วก็ต้องหมั่นพัฒนาสินค้า/บริการให้ตอบสนอง ตอบโจทย์ของคนส่วนใหญ่ ลงทุนให้เหมาะสมค่อยๆก้าวไปทีละขั้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่ามันมีความเสี่ยงสูง เวลาจะได้มันก็ได้เทียบเท่าหรือมากกว่าต้นทุน แต่พอเวลาจะเสียก็เสียจนแทบจะไม่เหลือทุนเหมือนกัน คนเล่นหุ้น,ทำธุรกิจ นอกจากจะต้องกล้าได้กล้าเสียแล้ว ยังต้องมีความคิดกว้างไกลและรอบคอบในการบริหารจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้ด้วย เวลาจะเลือกลงทุนก็ควรศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆให้รอบด้าน อย่าหวั่นไหวกับกระแสมากจนเกินไป
เห็นไหมล่ะว่า มีเงินทุนอย่างเดียวก็เห็นทีจะเทหมดหน้าตักเลยก็ไม่ได้ ไม่ใช่แค่อยากลงทุนทำธุรกิจ,ซื้อหุ้น ก็เพราะเห็นเพื่อนๆ ชวน เขาทำกันเยอะแยะ แนะนำว่า อย่าเดินตามคนอื่นเลย เพราะจะทำให้เรานั้น เลือกทางเดินที่ตรงกับใจเราได้ยาก อีกอย่างถ้าไลฟ์สไตล์ความชอบไม่เข้ากับการลงทุนที่เสี่ยงสูงมากๆ ก็อาจจะทำให้ขาดการเอาใจใส่ที่เพียงพอ ถ้าหากอยากได้การลงทุนที่จะสร้างความมั่นคงให้เหมาะสมกับตัวเราเอง แนะนำให้ศึกษาความต้องการและความพร้อมของตนเองเสียก่อนว่า เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ถ้าเลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่เราไม่ต้องเหนื่อยมากหรือมีเวลาไปทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้น มันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจะต่ำกว่า แต่ถ้านานๆไปก็สามารถพอกพูนได้เกือบเท่าตัวเช่นกัน