เราเคยได้รู้จักกันมาแล้วในตลาด TFEX มีการซื้อขายอะไรบ้าง คราวนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่า ถ้าอยากเริ่มซื้อขายใน ตลาด TFEX ต้องทำยังไง จะต้องเตรียมตัวกันยังไง แล้วเมื่อซื้อขายไปแล้วจะต้องทำอะไรกันต่อไปบ้าง
อ่านเพิ่มเติม >> เค้าซื้อขายอะไรที่ ตลาด TFEX <<
-
ติดต่อโบรกเกอร์
ก่อนอื่นเลยเราต้องไปเปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์กับบริษัทโบรกเกอร์ ซึ่งจะเป็นโบรกเกอร์หุ้นของเราอยู่ก่อนแล้วก็ได้ เพราะจะได้ไม่ต้องยื่นเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติมให้ยุ่งยาก
-
เตรียมเงิน
ต่อจากนั้นเราต้องเตรียมเงินในการลงทุนให้พร้อมอาจจะไม่ต้องมากมายเหมือนการซื้อหุ้น เพราะถ้าหากเราต้องการซื้อขายฟิวเจอร์สในตลาด TFEX นั้นจะใช้เป็นการวางเงินหลักประกันประมาณ 10-15% ของมูลค่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเท่านั้น
แต่ในขณะที่การซื้อออปชั่นนั้นผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องวางเงินประกันขั้นต้นก่อนการซื้อออปชั่น เนื่องจากผู้ซื้อสามารถจำกัดผลขาดทุนได้ จึงไม่มีความเสียงว่าจะไม่ทำตามสัญญา หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ซื้อได้จ่ายค่าพรีเมี่ยมเป็นค่าซื้อออปชั่นตั้งแต่ตอนแรกแล้ว และเมื่อสัญญาครบกำหนดอายุ ผู้ซื้อก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้สิทธิออปชั่นหรือไม่ หรือจะปล่อยให้หมดอายุไป เพราะฉะนั้นผู้ซื้อจึงไม่มีความเสี่ยงว่าจะไม่ทำตามสัญญา
สำหรับทางด้านผู้ขาย ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะไม่ทำตามสัญญา เพราะเนื่องจากหากผู้ซื้อออปชั่นขอใช้สิทธิ ผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามสัญญาโดยยอมให้ผู้ซื้อใช้สิทธิ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าผู้ซื้อมาใช้สิทธิแน่นอนว่าผู้ขายต้องขาดทุน ดังนั้นผู้ขายออปชั่นมีแนวโน้มที่จะไม่ทำตามสัญญามากกว่าผู้ซื้อ เพราะฉะนั้นการขายออปชั่นผู้ขายจะต้องวางเงินประกันขั้นต้นก่อนการขายในจำนวนที่โบรกเกอร์กำหนด
-
การสั่งซื้อ
เมื่อเรารู้เงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ต้องใช้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็คือ วิธีการส่งคำสั่ง เราจะต้องส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ และจะต้องบอกรายละเอียดการซื้อขายให้ชัดเจนเพราะการสั่งซื้อขายนั้นจะทำผ่านโทรศัพท์เหมือนกับซื้อขายหุ้น หรือจะส่งคำสั่งเองผ่าน internet ก็ได้ แต่ที่สำคัญจะต้องอย่างน้อยก็คือ
- ต้องการ “ซื้อ” หรือ “ขาย” อะไร
- ต้องการซื้อหรือขายสัญญาสิ้นสุดที่อายุ “เดือนไหน”
- ต้องการซื้อหรือขายที่ “ราคา” เท่าไร
- ต้องการซื้อหรือขาย “จำนวน” กี่สัญญา
ทีนี้เมื่อเราได้เริ่มซื้อขายฟิวเจอร์สไปแล้วนั้น โบรกเกอร์จะต้องคำนวณเงินกำไรขาดทุนทุกสิ้นวัน ซึ่งจะเรียกว่า Mark to Market ถ้าได้กำไร โบรกเกอร์จะโอนเงินส่วนที่เป็นกำไรเข้าบัญชีให้กับเราในวันทำการถัดไป แต่ถ้าหากขาดทุนโบรกเกอร์ก็จะโอนเงินออกจากบัญชีของเราเหมือนกัน และถ้าหากขาดทุนเป็นจำนวนมากทำให้มีการหักเงินออกจากบัญชีของเราไปจนจำนวนเงินต่ำกว่าระดับที่กำหนด คือ “หลักประกันรักษาสภาพ” หรือ Maintenance Margin โบรกเกอร์ก็จะบอกให้เรานำเงินมาฝากเป็นเงินประกันให้เท่ากับเงินประกันขั้นต้นอีกครั้ง หรือเรียกว่า Margin Call
แต่ถ้าเป็นการซื้อขายออปชั่น ฝั่งผู้ซื้อไม่ต้องวางเงินประกันตั้งแต่ตอนต้นอยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้อง Mark to Market แต่กลับกันในฝั่งผู้ขายที่มีการวางเงินประกัน ดังนั้นจึงต้อง Mark to Market แต่วิธีการจะต่างจากฟิวเจอร์ส คือ โบรกเกอร์จะไม่มีการโอนเงินกำไรขาดทุนทุกสิ้นวัน แต่จะคำนวณหลักประกันขั้นต้นและหลักประกันรักษาสภาพใหม่ทุกวัน ดังนั้นเงินหลักประกันจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเกิดวันไหนราคาสินค้าอ้างอิงเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ขายมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนเพิ่มขึ้น โบรกเกอร์ก็จะกำหนดหลักประกันใหม่ที่สูงกว่าระดับเงินที่เคยวางไว้ เพราะฉะนั้นผู้ขายออปชั่นจะต้องนำเงินมาฝากเป็นหลักประกันเพิ่มให้มีค่าอย่างน้อยเท่ากับหลักประกันขั้นต้นค่าใหม่ที่โบรกเกอร์กำหนด
-
คำนวณเงินกำไรขาดทุน
สุดท้ายคือสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ตาม คือ การตรวจสอบสถานะของพอร์ตการลงทุนของเราว่ามีกำไรหรือขาดทุนเท่าไรบ้าง โดยจะต้องตรวจสอบว่า “กำไรที่ได้น่าพอใจหรือยัง แล้วจะมีหรือไม่มีโอกาสทำกำไรเพิ่มได้มากน้อยแค่ไหน และเราสามารถทนผลขาดทุนในได้ระดับเท่าไรที่เราจะต้องวางหลักประกันเพิ่มทุกวัน” ซึ่งเมื่อเราพบว่าเราพอใจกำไรที่ได้รับหรือไม่อยากขาดทุนอีกแล้ว เราก็สามารถปิดสถานะของเราได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอให้สัญญาสิ้นสุด
เห็นหรือเปล่าว่าการซื้อขายในตลาด TFEX ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องเข้าใจตัวเอง เข้าใจความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในตลาด TFEX ถึงแม้จะใช้เงินน้อยในการลงทุน ได้ผลตอบแทนมาก แต่ก็ขาดทุนได้มากเหมือนกัน
อ่านเพิ่มเติม >> 5 สาเหตุ ทำไม หุ้นไม่ได้กำไร สักที ? <<