ความคืบหน้าโครงการสินเชื่อบ้านผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ว่าล่าสุดวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้แสดงความประสงค์ยื่นคำขอกู้แล้วประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าที่ยื่นเอกสารครบถ้วน 9.97 พันล้านบาท และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารแล้ว 3.65 พันล้านบาท ได้รับอนุมัติวงเงินแล้ว 5.2 พันล้านบาท คาดว่ายอดอนุมัติได้ครบวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทภายในกลางเดือนธันวาคมนี้ โดยธนาคารจะขยายวงเงินอีก 1 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้
ข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449113198
งานนี้ คนที่มีรายได้น้อยแต่อยากมีบ้านที่รอบแรกยังไม่พร้อมคงได้เฮ กันกับการปล่อยสินเชื่อในรอบที่สอง ซึ่งคาดว่าหลังปีใหม่น่าจะได้ข้อสรุป งานนี้เตรียมเงินดาวน์เตรียมดูบ้านเตรียมหลักฐานกันให้ดีๆ เพราะรอบนี้คนคงกู้เยอะคนแน่นอีกตามเคยเพราะใครๆก็อยากได้บ้านอีกทั้งโปรโมชั่นดอกเบี้ยแค่3% ผ่อนเดือนละ 2,000 มันหาได้ง่ายๆที่ไหนอย่างน้อยก็ได้ทาวน์เฮ้าส์เล็กๆหนึ่งหลัง
ซึ่งมีข่าวว่า กรมธนารักษ์เตรียมพื้นที่สำหรับโครงการ บ้านประชารัฐ ไว้แล้ว รอคณะกรรมการโครงการที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานสรุปว่าจะใช้พื้นที่ใด และกำหนดรายละเอียดออกมา ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าประชาชนมีความต้องการที่อยู่อาศัยถึง 2.7 ล้านยูนิต แต่คงไม่ได้ทำทั้งหมดในคราวเดียว จะทยอยทำเป็นล็อตๆ คาดว่าล็อตแรกประมาณ 6-7 หมื่นยูนิต ราคาต่อยูนิตประมาณ 5-6 แสนบาท ซึ่งเหมาะกับคนที่มีรายได้น้อยก็คล้ายๆโครงการบ้านเอื้ออาทรซึ่งเน้นช่วยคนมีรายได้น้อยให้สามารถมีบ้านได้ แต่กฎเกณฑ์ก็คงเน้นคนที่ไม่ติดเครดิตบูโร มีแหล่งที่มาของรายได้ประจำและมีหลักฐานที่ชัดเจนเหมือนที่ผ่านมา
แม้ว่าดอกเบี้ยจะถูกและจำนวนเงินผ่อนต่อเดือนน้อยก็ต้องดูราคาของบ้านและระยะเวลาการผ่อน ซึ่งคงไม่ต่ำกว่า 10-30 ปีแน่นอนว่าคนที่คิดจะเข้าโครงการนี้ต้องคำนวณรายได้กันให้ดีๆเพราะยิ่งผ่อนน้อยผ่อนนานดอกเบี้ยก็บานตะไทตามไปด้วยซึ่งแม้ว่าจะผ่อนสบายๆแต่หากเทียบอัตราดอกเบี้ยๆที่ต้องจ่ายแล้วล่ะก็มันก็หนักอยู่พอสมควร คำแนะนำคือแม้ว่าจะเข้าโครงการผ่อนถูกแต่สิ่งที่จะช่วยลดภาระได้คือการมีเงินดาวน์บ้างอย่างน้อย 25% เพื่อลดภาระยอดกู้ให้ลดลงและหากสามารถจ่ายได้มากกว่าขั้นต่ำที่กำหนดให้ได้จะยิ่งลดระยะเวลาการผ่อนลงได้อีกเท่ากับทำให้ดอกเบี้ยไม่สูงเกินไป
อย่าตกเป็นเหยื่อของความอยากมีบ้านและเห็นว่าผ่อนถูกๆ เพราะระยะเวลาการผ่อนที่ยาวนานเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างทางที่ผ่อน หากหวังกู้ร้อยเปอร์เซ็นต์ภาระหนี้ก็จะสูง แต่หากมีเงินดาวน์บ้างจะลดภาระลงได้และหากสามารถโปะได้หลังจาก 3 ปีแรกที่ผ่อนก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ซึ่งมีบางคนที่ผ่อนบ้านได้เร็วกว่ากำหนดโดยการจ่ายชำระเพิ่มจากเดิมซึ่งยอดเงินจะไปตัดดอกเบี้ยให้ลดลงและบางส่วนตัดเงินต้นไปได้ด้วยทำให้ผ่อนหมดได้เร็วมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ต้องดูรายละเอียดของสัญญาว่าสามารปิดบัญชีก่อนกำหนดหรือผ่อนจ่ายมากกว่าเดิมได้บ้างหรือไม่และเงินส่วนเกินจะตัดดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้เท่าไหร่
แม้ว่าการมีบ้านเป็นของตัวเองจะเป็นเรื่องที่ดีแต่ควรจะประมาณการรายได้ของตัวเองในระยะยาวด้วยว่าสามารถมีรายได้มาผ่อนจ่ายได้ตามกำหนดหรือไม่ เพราะหากมีปัญหาการล่าช้าหรือค้างชำระอาจทำให้บ้านโดนยึดและเสียเครดิตทางการเงินได้ ดังนั้นก่อนซื้อบ้านจะต้องคิดให้รอบคอบ มีเงินดาวน์และมีเงินออมสำรองสำหรับผ่อนบ้านในกรณีฉุกเฉินด้วยกล่าวคือควรมีเงินออมสำหรับเก็บไว้สำรองอย่างน้อย 6 เดือนหากเกิดกรณีออกจากงานหรือเปลี่ยนงาน อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินผ่อนเพราะเงินออมสำรองผ่อนบ้านที่เตรียมไว้ถึง 6 เดือนยังพอให้มีเวลาหางานหรือหารายได้ที่จะกลับมาสู่ภาวะปรกติได้