ช่วงนี้ กระแสการใช้ชีวิตแบบ Slow life กำลังมาแรง และมีหลายๆท่านให้ความสนใจ แต่ยังเข้าใจการใช้ชีวิตแบบ Slow life กันอย่างผิดๆ ว่าคนที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่ว่างงาน ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ ทำงานผ่านโน้ตบุ๊ค นั่งตามร้านกาแฟหรูๆ ใช้ชีวิตในฝันตามแบบที่คุณอยากเป็น ตามประสาคนมีอิสระทางการเงิน ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง สำหรับคำว่า ใช้ชีวิตแบบ Slow life
เพราะความหมายที่แท้จริงของ Slow life นั้น หมายถึงการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่ต้องใช้เงินเป็นตัวนำทางอย่างเมื่อก่อน สามารถอยู่ได้สบายๆ ท่ามกลางชีวิตที่วุ่นวายในเมืองหลวง ซึ่งจริงๆแล้ว การใช้ชีวิตแบบ Slow life นั้น มีมานานแล้ว แต่เพิ่งมีคนให้คำจำกัดความ ซึ่งการใช้ชีวิตในรูปแบบนี้ ถือว่าเป็นผลดีต่อเรื่องเศรษฐศาสตร์การเงินส่วนบุคคลเป็นอย่างมาก วันนี้เราได้รวบรวมแนวทางในการใช้ชีวิตแบบ Slow life มาฝากกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
- ปลูกผักสวนครัวไว้บริโภคภายในบ้าน
ไม่ต้องถึงขั้นยกแปลง หรือทำบ้านให้เป็นสวนหรอกนะคะ เพราะคุณสามารถใช้พื้นที่เล็กๆที่พอมี ปลูกผักสวนครัวอย่างละนิดละหน่อยได้ ทำให้คุณประหยัดรายจ่ายมากมายอย่างคาดไม่ถึง แถมยังได้คุณค่าทางอาหารจากผักสดๆ และภูมิใจในตนเองอีกด้วย
ผักที่แนะนำให้ปลูกไว้ติดบ้าน ส่วนใหญ่จะมีผักที่เติบโตเร็ว ปลูกง่าย เช่น ผักบุ้ง ถั่วงอก กระเพรา พริก ผักกาดหอม และคะน้า เป็นต้น
- ทำอาหารทานเอง
เพราะอาหารที่ขายกันทั่วไป มีคุณค่าไม่ครบตามโภชนาการ แถมยังมีราคาสูงเกินเหตุ ชาว Slow life จะพึ่งพาอาหารนอกบ้านให้น้อยที่สุด เน้นการปรุงอาหารทานเอง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เน้นการทำอาหารง่ายๆแต่มีคุณค่าและประหยัดเวลา เช่น สลัดผักสดที่ปลูกเองบางส่วน บางคนถึงขั้นทำใส่กล่องไปทานที่ทำงานเลยก็มี ประหยัดเวลาในการรอคิวได้อีกมากโข
- ลดนิสัยการนอนตื่นสาย
การตื่นเช้านั้น ทำให้เราได้เปรียบในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทางไปทำงาน ทำให้เรามีเวลาเหลือพอที่จะทานอาหารเช้า นั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์สบายๆระหว่างรอเข้าทำงานได้ ชีวิตที่ไม่เร่งรีบแบบนี้จะส่งผลให้คุณทำงานแบบสบายใจ และมีสุขภาพจิตที่ดีตลอดทั้งวัน ไม่หงุดหงิดง่ายถ้าเทียบกับคนที่มาทำงานเฉียดเวลา หรือมาสายบ่อยๆ
- เผื่อเวลาในการเดินทาง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ต่อเนื่องจากข้อที่ 3 หากคุณตื่นสาย และไม่เผื่อเวลาในการเดินทางให้เพียงพอ คุณอาจต้องใช้บริการรถรับจ้างสาธารณะ ซึ่งนั่นก็หมายถึงความสิ้นเปลืองที่จะตามมามากมายมหาศาล เพราะแทนที่คุณจะได้จ่ายค่ารถในราคาเดิมๆ คุณกลับต้องเพิ่มเงินมากขึ้น เพื่อเดินทางไปทำงานให้ทันเวลา ซึ่งค่าเดินทางพิเศษเหล่านี้ หากเกิดขึ้นแค่ไม่กี่วันคงไม่เป็นไร แต่ถ้าติดเป็นนิสัย และเกิดขึ้นบ่อยครั้งก็ใช่ว่าจะคุ้มค่า ดังนั้นการเผื่อเวลาในการเดินทางอีกเท่าตัว ถือเป็นเรื่องที่ควรทำมากที่สุด
- สัมผัสธรรมชาติ
เน้นการท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติที่ใกล้ตัว เพื่อเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกาย จะได้ผ่อนคลายและไม่เครียดมาก ไม่เน้นการเดินเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า ที่อากาศวนเวียนอยู่ภายในอาคารที่มีพื้นที่จำกัด และข้าวของราคาแพง อาจทำให้ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ เพราะลำพังแค่ค่าอาหารต่อมื้อ ก็ราคาไม่น้อยแล้ว
สถานที่สัมผัสธรรมชาติมีมากมายรอบกรุงเทพ หรืออาจจะเป็นจังหวัดใกล้ๆก็มีมากมายถมไป การเดินทางก็ง่ายและสะดวกขึ้นมาก ใช้เวลาไป-กลับ เพียงวันเดียวก็เกินพอแล้ว
- เน้นการอ่านหนังสือ มากกว่าเล่นมือถือ
พวกเขาจะไม่หยิบมือถือ หรือยึดติดกับโลกโซเชียลอย่างพร่ำเพรื่อ เพราะทำให้เสียเวลาในเรื่องสำคัญต่างๆที่ควรทำไปโดยใช่เหตุ พวกเขาจะเน้นการอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่นๆที่เป็นประโยชน์กับชีวิตแทน เช่น หัดถ่ายภาพ ทำงานฝีมือ และทำงานจิตอาสา เป็นต้น หากพวกเขาจะหยิบมือถือ ก็จะเป็นการหยิบเพื่ออ่านหนังสือออนไลน์เสียมากกว่า
- วางแผนในทุกเรื่อง ทำให้เสร็จเป็นอย่างๆไป
พวกเขาจะมีการวางแผนในการดำเนินชีวิตให้ดีในแต่ละวัน โดยทำทุกอย่างให้เสร็จตามกำหนดเวลา มุ่งมั่นและจดจ่อในสิ่งที่ทำเป็นอย่างๆไป ไม่ทำหลายๆอย่างพร้อมกันในคราวเดียว เพราะจะทำให้ชีวิตสับสน ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง และต่อให้สำเร็จ ก็จะเป็นงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะถูกทำขึ้นมาโดยความรีบร้อน มากกว่าที่จะใส่ใจเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้งานที่ออกมามีคุณภาพและใช้ได้จริงมากกว่า
- ไม่คิดเปรียบเทียบตนเองกับใคร
อีกเรื่องหนึ่งที่คนยุคใหม่ให้ความสำคัญแบบผิดๆคือ การใช้ชีวิตตามกระแสสังคมนิยม โดยเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น แงขันกันทุกเรื่องตั้งแต่การแต่งตัว รูปร่างหน้าตา และรสนิยม ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลร้ายแรงต่อสถาพการเงิน และอาจทำให้ใครหลายๆคนเกิดหนี้สินได้โดยง่าย ซึ่งก็จะลามไปถึงการใช้ชีวิตแบบผิดๆ และขาดเงินเก็บในวัยเกษียณ ขาดความมั่นใจ ความภูมิใจในตนเอง และผูกติดอยู่กับคนอื่นมากเกินไป ซึ่งชาว Slow life จะไม่ใช้ชีวิตแบบนี้โดยเด็ดขาด
- ให้ความสำคัญกับครอบครัว และเพื่อนฝูง
ครอบครัว และ เพื่อนฝูง มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับชาว Slow life พวกเขาเลือกที่จะให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรอบๆตัวอย่างเต็มที่ ใช้ชีวิตอยู่ในโลกความจริง ไม่หลงใหลในโลกเสมือนเช่นบุคคลหลายๆกลุ่มในยุคปัจจุบัน เพราะพวกเขารู้ดี ว่าคนที่จะเคียงข้างพวกเขาต่อไปในอนาคตนั้น ไม่ใช่กลุ่มคนที่อยู่ตามหน้าจอมือถืออย่างแน่นอน
ดังนั้น จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะหันมาให้ความใส่ใจ และดูแลคนในครอบครัว รวมไปถึงเพื่อนฝูงรอบข้างอีกด้วย เพราะพวกเขานี่แหละ ที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปในอนาคต
- ฟังทุกอย่าง แต่ใช้เหตุผลก่อนเชื่อ
เพราะทุกวันนี้มีช่องทางในการเผยแพร่ข่าวสารมากมาย ทั้งข่าวจริง ข่าวเท็จ เนื่องจากช่องทางการสื่อสารเริ่มพัฒนามากขึ้น มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียล และสามารถเสพข่าวได้เร็วทันใจ แต่บางข่าวก็เป็นเพียงเรื่องโคมลอย ที่ต้องพิจารณาดีๆ ก่อนให้น้ำหนักความเชื่อถือ และเผลอแสดงความคิดเห็นเพราะมีความรู้สึกร่วมกันกับข่าวนั้นๆ ชาว Slow life จะเป็นคนที่มีสติ พิจารณาก่อนเสมอว่าข่าวไหนจริงหรือเท็จ และมีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
เห็นไหมคะ ว่าการ ใช้ชีวิตแบบ Slow life นั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลย แถมยังเป็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ทำได้จริง ไม่ต่างจากเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้จะช่วยให้คุณมีเงินออมมากขึ้นในบัญชีโดยไม่รู้ตัว รวมไปถึงผลดีต่างๆในด้านการเงินของคุณอีกด้วยค่ะ