คนทำงานเงินเดือนประจำหลายคนมักบ่นอยู่เสมอว่า อยากมีกิจการของตัวเอง เหนื่อยก็เหนื่อยเพื่อตัวเอง เป็นนายตัวเองไม่ต้องให้ใครเป็นเจ้านาย จะเจ๊งก็เจ๊งเองไม่ได้หนักหัวใคร น่าแปลกที่หลายคนบ่นแต่น้อยคนมากที่คิดจะทำ ต้องอาศัยความกล้าพอสมควรหลุดจากความกลัวความกังวลทั้งหลาย ลาออกจากงานประจำมากทำงานกิจการของตัวเอง การอ่านประสบการณ์ของแม่ค้าที่อยากมีกิจการเป็นของตัวเองตามกระทู้ http://pantip.com/topic/34758479 นี้จากพันทิป อาจช่วยให้พนักงานประจำหลายคนมีกำลังใจขึ้นมาได้มากทีเดียว
ตามท้องเรื่องในกระทู้สรุปความว่า เจ้าของกระทู้เป็นแม่ค้าวัยยี่สิบต้น ๆ มือใหม่ไม่เคยมีประสบการณ์การค้าขายเลย ปกติทำงานประจำเป็นสาวโรงงานบ้าง พนักงานรับออเดอร์บ้าง และต่าง ๆ นานาจิปาถะ แต่เป็นคนไม่อยู่นิ่งและไม่ชอบลักษณะงานประจำ จึงคิดเริ่มกิจการของตัวเองด้วยการขายหวานเย็นปั่นหน้าบ้านด้วยทุน 1,000 บาท แล้วก็ได้เปลี่ยนกิจการการค้าต่าง ๆ มาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นรับออกแบบวาดรูปด้วยคอมพิวเตอร์ ขายทาโกะยากิ ขายปลาหมึกย่าง บาร์บีคิวหมู แต่แล้วแต่ละกิจการก็ต้องปิดตัวลงด้วยต่างเหตุผลกันออกไป เช่นต้องเปลี่ยนที่ทำงานประจำจึงต้องย้ายที่อยู่เลยต้องเลิกกิจการ ของเสียขายไม่ออก ผิดพลาดในการขาย รวมถึงข้อจำกัดในเรื่องความรู้และอุปกรณ์
สิ่งหนึ่งสิ่งแรกที่เจ้าของกระทู้สาววัยยี่สิบคนนี้มีคือทัศนคติที่ดีของการเป็นเจ้าของกิจการ กล้าเริ่ม ไม่กลัวต่ออุปสรรค กล้าลองผิดลองถูก และประสบการณ์ก็ได้สอนบทเรียนเธอด้วย ข้อผิดพลาดและคำติชมของลูกค้าก็ถูกนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง การแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นตกลงอาหารด้วยการใช้โครงและผ้าพลาสติกมาคลุมเป็นการบอกถึงความไม่นิ่งเฉยต่อการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพสินค้า เป็นการแสดงถึงความใส่ใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจแห่งความสำเร็จตามหลักอิทธิบาทสี่อีกด้วย
การสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึง Traffic ลูกค้าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แม่ค้ารายนี้ทำได้ดี จากกิจการแรกที่ตั้งขายหวานเย็นหน้าบ้าน ที่คนซื้อมีแต่ช่างเครื่องในอู่รถยนต์ของพ่อตัวเองและคนในครอบครัวแล้ว ก็แทบจะไม่มีลูกค้ารายได้แวะเวียนมาซื้อเลย ทำให้เธอรู้จักสังเกตและศึกษา Traffic ลูกค้า รวมถึงดูฐานลูกค้าของเธอด้วย ทำให้เธอรู้ว่าลูกค้าเธอต้องการอะไร และที่ราคาเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก การกล้านำเสนอทาโกะยากิแบบบ้าน ๆ ลูกละ 2 บาท (ที่ต้นทุนหนึ่งบาท) ให้กับชาวไร่ชาวสวนที่กันดารนั้นเป็นเรื่องท้าทาย แต่เธอก็กลับประสบความสำเร็จด้วย คือไม่ขาดทุน
แต่การจะเป็นเจ้าของกิจการไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ได้นั้น ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย นั่นคือการวางแผนที่ดี และการคิดค่าใช้จ่าย (Cost Structure) ที่ถูกต้อง แม่ค้ารุ่นรายนี้ขาดการวางแผนที่ดี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ การย้ายที่อยู่บ่อย ๆ ไม่สามารถทำให้ธุรกิจมีความต่อเนื่องได้ รวมถึงการคิดค่าใช้จ่ายเรื่องต้นทุนกำไรก็ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เพราะเธอคิดค่าใช้จ่ายเพียงแค่ต้นทุนของสินค้า (Cost of Goods Sold : CGS) เพียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงต้นทุนค่าเช่าและค่าแรง หรืออาจมีค่าใช้จ่ายที่เสียไปจากการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ เช่นค่ารถ ค่าถุงพลาสติก ค่าน้ำไฟ รวมถึงเบี้ยหัวแตกเงินลงทุนก้อนแรกจากการซื้อเตาย่าง รถเข็น โต๊ะขายของ หรืออื่น ๆ อีกจิปาถะ ถ้าเธอพิจารณาให้ดีเธอก็ควรจะเปรียบเทียบต้นทุนเสียโอกาสไปด้วย หากเธอมีเงินเดือนจากการทำงานโรงงาน 8,000 บาท เธอก็ต้องคิดด้วยว่าถ้าเธอไม่มาขายบาร์บีคิว เธอจะมีรายได้แปดพันบาท ดังนั้นเธอควรจะขายบาร์บีคิวให้ได้กำไรเกินกว่าแปดพันบาทต่อเดือนด้วย และนั่นอาจถือเป็นต้นทุนค่าแรงในการทำงาน หักจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด คือเงินหรือกำไรสุทธิจากกิจการบาร์บีคิวของเธอ
สังเกตเห็นได้ว่าการจะมีกิจการอะไรสักอย่างที่เริ่มต้นจากจุดศูนย์ มักยากเสมอ เธอได้เปรียบและเก่งกว่ามนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนที่เธอกล้าจะเริ่มก้าว คนที่มีความรู้มากกว่าเธอ ต้นทุนทั้งทางสังคมและต้นทุนเงินทุนมากกว่าเธอ แต่ก็ไม่อาจเริ่มธุรกิจอย่างเธอได้ อาจด้วยเห็นผลที่ต้นทุนเสียโอกาสมีมากกว่า รวมถึงงานประจำก็ค่อนข้างมีความมั่นคงดีอยู่แล้ว หลายคนจึงเลือกปิดประตูความฝันเป็นเจ้าของกิจการของตนไปเลยอย่างถาวร เพราะความไม่กล้าเสี่ยงนี่เอง
คำว่า “ความเป็นเจ้าของกิจการ” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Entrepreneurship” นั้น ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็น Born Qualification หรือคุณสมบัติที่ติดตัวมาแต่กำเนิด คือเกิดมาแล้วมีแล้ว สอนไม่ได้ต้องเป็นเอง ซึ่งลักษณะของ Born Qualification นี้มีอีกอย่างหนึ่งคือ “ความเป็นผู้นำ” หรือ “Leader” สองคุณสมบัตินี้เป็น Born ไม่สามารถ Made หรือทำให้เกิดขึ้นภายหลังได้ แต่ใช่ว่าคนที่เกิดมาแล้วไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่สามารถเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จหรือเป็นผู้นำที่ดีไม่ได้ ทุกอย่างสามารถฝึกฝนได้
เช่น เราสามารถฝึกทักษะของการเป็นผู้นำที่ดีได้ อย่างไรก็ตาม แม่ค้าสาววัยยี่สิบต้น ๆ ผู้ที่ไม่ได้มีต้นทุนทางสังคมและโล่การศึกษาที่สูงกำบังความเป็นตัวของตัวเองผู้นี้ ได้แสดงให้เราเห็นว่า การมีทัศนคติ (Attitude) ที่ดีใสการสร้างธุรกิจ ได้เริ่มให้ทุกอย่างมีเค้าลางความเป็นจริง เมื่ออ่านกระทู้จบ ก็รู้สึกได้ในทันทีว่า วันหนึ่งเธอจะมีกิจการเล็ก ๆ ที่ประสบความสำเร็จ มากพอทำให้เธอหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องหันหน้ากลับไปเป็นสาวโรงงานอีกต่อไป ดังจะสังเกตเห็นได้จากกำลังใจที่ท่วมท้นของผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น เพราะทุกคนก็อยากเห็นแม่ค้าสำเร็จดังหวังเช่นกัน