น่าจะมีหลายๆ คนที่ทำงานประจำอยู่ แล้วก็อยากที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือจะเป็นภาระทางครอบครัวที่ทำให้ไม่อาจออกมาเสี่ยงในการทำธุรกิจเองได้ ยังต้องการความมั่นคงทางการเงินในระดับหนึ่งจากการทำงานประจำ ดังนั้นการเป็นเจ้าของธุรกิจผ่านการ ลงทุนในหุ้น จึงน่าจะเป็นคำตอบที่น่าสนใจได้ดีทีเดียว เรามาลองดูข้อดีและข้อเสียของการ ลงทุนในหุ้น กันดีกว่า
เริ่มที่ข้อดีกันก่อนดีกว่าอันดับแรก คือ เริ่มต้นง่ายใช้เงินน้อย
เพราะเป็นเหมือนกับการนำเงินไปแชร์กับเพื่อนหรือไปเป็นหุ้นส่วนในบริษัท เพียงแต่บริษัทไม่ได้มีแค่เรากับเพื่อนเท่านั้น แต่อาจจะมีคนมาร่วมหุ้นกับเราเป็นหมื่นเป็นพันคนก็ได้ จึงทำให้เราที่เงินทุนน้อยๆ สามารถเข้าไปเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่เราสนใจได้ โดยเราจะต้องไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นที่ในปัจจุบันก็มีให้บริการมากมายหลายเจ้ามาก และมีเงินแค่หลักหมื่นก็สามารถเลือกซื้อหุ้นที่เราได้แล้ว
ถัดมาคือเราไม่ต้องมานั่งบริหารงานเอง
เพราะบริษัทที่เราไปร่วมลงทุนนั้นจะจ้างมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารงาน และสามารถจัดการเรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการทำธุรกิจแทนเราได้ ซึ่งเราก็มีหน้าที่แค่เพียงติดตามการทำหน้าที่ของผู้บริหารเหล่านั้น ติดตามความก้าวหน้าของกิจการ โดยที่ไม่ต้องลงมือทำเอง จึงทำให้เราสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้โดยที่ไม่ต้องลาออกจากงานประจำ
ข้อดีอีกอย่างของการเป็นเจ้าของธุรกิจจากการลงทุนในหุ้น คือ เราสามารถเลือกลงุทนในธุรกิจที่ดีที่สุดได้
ในขณะที่การเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองนั้น โอกาสที่จะไปไม่รอดก็มีอยู่สูงเหมือนกัน แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจผ่านการลงทุนในหุ้นนั้น เราจะเห็นได้ว่าในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีบริษัทจดทะเบียนอยู่หลายร้อยบริษัท ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้นหน้าที่ของเราก็คือ เราต้องเลือกลงทุนในกิจการที่ดี มีโอกาสทำกำไรได้ดี มีอนาคต มีศักยภาพที่จะเติบโต และที่สำคัญจะต้องบริหารงานโดยผู้บริหารมืออาชีพ นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกลงทุนได้ในหลายๆ กิจการพร้อมๆ กันได้ ด้วยจำนวนเงินที่ไม่ต้อง เพราะเราสามารถกระจายการลงทุนไปในหลายๆ บริษัท หลายๆ อุตสาหกรรมเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้อีกทางหนึ่ง หากมีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจนทำให้ธุรกิจหนึ่งขาดทุน เราก็ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ยังทำกำไรได้อยู่
การเป็นเจ้าของธุรกิจโดยผ่านการลงทุนในหุ้นนั้น ถือได้ว่าเรามีสภาพคล่องสูงอยู่เหมือนกัน เพราะเราอยากจะขายกิจการหรือเปลี่ยนไปลงทุนอย่างอื่นก็ทำได้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ขายหุ้นของบริษัทเก่าออกไปแล้วก็ไปซื้อหุ้นของบริษัทใหม่ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือไม่นาน แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจเองการขายกิจการของเราออกไปก็อาจจะไม่ง่ายเหมือนกับการขายหุ้น หรือบางครั้งที่แย่หน่อยอาจจะไม่มีคนมาซื้อกิจการต่อจากเราเลยก็ได้
เมื่อมีข้อดีแล้วก็ต้องมีข้อด้อยเป็นธรรมดา โดยการเป็นเจ้าของธุรกิจผ่านการลงทุนในหุ้นนั้นมีข้อเสีย คือ เราอาจจะไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการได้เต็มที่เหมือนกับตอนที่เป็นเจ้าของเอง แต่สำหรับการเป็นผู้ถือหุ้นนั้นโดยเฉพาะถ้าเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยเรายิ่งจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานเลยก็ว่าได้ เพราะเราได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารมืออาชีพไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสิทธิมีเสียงในการบริหารไปทั้งหมด เราในฐานะผู้ถือหุ้นเสียงเล็กๆ เราก็สามารถมีสิทธิออกเสียงคัดค้านในการประชุมผู้ถือหุ้นและเสนอความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารได้ เพียงแต่เราต้องยอมรับกันสักนิดว่า เสียงของผู้ถือหุ้นใหญ่จะมีน้ำหนักมากกว่าเสียงของผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างเราๆ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรา ก็คือ ต้องเลือกบริษัทที่มีผู้บริหารที่ดีมีธรรมาภิบาลในการทำงาน เพราะเลือกไม่ดีก็อาจจะทำให้บริษัทล่มจมได้
ข้อเสียอีกอย่างของการลงทุนในหุ้น คือ ผลตอบแทนที่ได้อาจจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับกำไรที่จะได้จากการทำธุรกิจ แต่ยกเว้นไว้นิดหนึ่งว่าเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนะ หรือบางครั้งราคาหุ้นที่เราถืออยู่อาจจะปรับตัวลดลงได้ เพราะราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา แต่ในระยะยาวเราก็ยังอาจจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10-15% กันเลยทีเดียว ก็ถือได้ว่าไม่น้อยถ้าเราเอาไปเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร
ทีนี้เมื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการเป็นเจ้าของธุรกิจผ่านการลงทุนในหุ้นได้แล้ว ก็ลองถามตัวเองดูว่าพร้อมที่จะลงทุนในหุ้นหรือเปล่า ถ้าพร้อมก็ลุยได้เลย เพราะเราก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้โดยที่ไม่ต้องลาออกจากงานประจำกัน