การเล่นหุ้นที่ถือว่าเป็นความเสี่ยงสูงในการลงทุน แต่กลับให้ผลกำไรที่ดีงามมากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ จึงต้องมีการวางแผนการแบ่งเงินลงทุนและการศึกษากลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ เลือกหุ้นอย่างไร หุ้นตัวใดคือเป้าหมายที่ดีที่สุดต่อผู้เล่น มี 2 แนวทางที่อาจจะเป็นเรื่องที่ดีของการเล่นหุ้น คือ การเล่นในรูปแบบระยะยาวที่ไม่มีความเสี่ยง และการลงทุนเก็งกำไรในแบบความเสี่ยงต่ำ
โดยที่แนวทางในการลงทุนระยะยาวจะต้องมีสัดส่วนในพอร์ตสำหรับลงทุนได้อย่างยาวนานประมาณ 80-90 % และส่วนที่เหลือประมาณ 10-20% ก็ควรเผื่อไว้เพื่อเป็นการเก็งกำไร การเก็งกำไรนั้น คือ การซื้อมา ขายไปที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกกลัวการขาดทุนที่อาจจะทำให้ต้นทุนโดนกินหายไปด้วย ทั้งนี้ ผู้ที่เล่นหุ้น แบบเก็งกำไรนั้น จะต้องรู้จักความต้องการแท้และความต้องการเทียมเป็นตัวบ่งชี้ถึงความต้องการในสินค้าตัวนั้น และชี้วัดว่าหุ้นตัวนั้นจะน่าเล่นมากแค่ไหน ซึ่งสามารถแยกการลงทุนในประเภทต่าง ๆ ที่น่าสนใจได้อีกมากมาย ด้วยเช่นกัน
หุ้นปันผล
ที่เป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีของการเล่นแบบไม่เจ็บตัว การลงทุนหุ้นแบบปันผลนั้น ผู้เล่นจะต้องมีการเข้าดูประวัติการปันผลกำไรหุ้นที่ดี สามารถเก็งกำไรได้ ซึ่งเมื่อผู้เล่นพลาดจากการเก็งกำไร ก็ยังมีเงินปันผลเป็นตัวรองรับทำให้ไม่เจ็บตัวมากจึงมีความเสี่ยงที่น้อย หุ้นปันผลที่ดีจะต้องมีความต้องการซื้อ เมื่อถึงเวลาใกล้กับการประกาศผลประกอบการก็จะเหมาะกับการเก็งกำไร และการลงทุนแบบหุ้นเก็งกำไรยังมีความเหมาะสมกับผู้เล่นมือใหม่เป็นอย่างมาก เพราะถ้าพลาดก็จะได้ไม่เจ็บตัวมากนัก ทั้งยังเป็นการฝึกฝนฝีมือทำให้เก่งขึ้น เพื่อที่อนาคตจะได้สามารถไปลงทุนในหุ้นตัวอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนักลงทุน นักเก็งกำไรทั้งหลายที่อยู่ในตลาดหุ้นมานาน มีประสบการณ์การเล่นสูงมักจะคอยหาโอกาสที่หุ้นจะขึ้นเสมอ และช่วงของการปันหุ้นจะเป็นช่วงที่มีการจับจ้องหุ้นตัวที่น่าสนใจ เพื่อเข้าซื้อทันทีที่มีการออกขาย ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือตลาดหุ้นก็จะมีช่วงนี้ด้วยเช่นกัน ที่แต่ละบริษัทจะมีการประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด และจะมีการเก็งกันต่อว่าจะได้เงินปันผลสด ๆ ทำให้เกิดเป็นแรงซื้อขายสามารถดันราคาหุ้นให้สูงได้ในขณะนั้น
การเล่นในตลาด mai ที่เป็นหุ้นตัวเล็ก
ที่เป็นกิจการของธุรกิจขนาดเล็กมีการเติบโตเร็ว แต่เมื่อเวลาที่แย่ ก็มีโอกาสแย่ได้มากว่าบริษัทใหญ่ การเล่นหุ้นตัวนี้จะต้องมีการเข้าใจในพื้นฐานธรรมชาติของความเสี่ยงและโอกาส การเติบโตไปควบคู่กัน และจะต้องมีการติดตามวิเคราะห์ข้อมูลอย่างลึกซึ้ง ทั้งยังต้องอ่านงบการเงินออกว่าลักษณะ ของธุรกิจหรือตัวสินค้านั้นมีการขายเป็นอย่างไร เพราะกิจการหุ้น mai หลายตัวนั้นผู้เล่นหุ้นก็อาจจะยังไม่คุ้นเคย ถ้าสามารถเรียนรู้และสัมผัสตัวหุ้นให้ได้ก่อนความเสี่ยงในการลงทุนก็จะยิ่งน้อยลง จุดขายของตลาด mai คือการเป็นตลาดหุ้นธุรกิจระดมทุนเข้ามาสำหรับอนาคตเพื่อสร้างการเติบโตที่ดีให้แก่ธุรกิจ โดยผลักดันบริษัทให้จดทะเบียนมากถึง 40 กว่าบริษัท ในปี 2549 ซึ่งถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จในก้าวแรกตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ โดยผู้เล่นหุ้นตัวนี้จะต้องมีการพิจารณาโครงสร้างรายได้และกำไรของบริษัทที่จดทะเบียน และมองหาเหตุผลในการเตอบโตของบริษัทนั้นให้ได้ว่ามาจากอะไร โดยการดูข้อมูลจากงบการเงิน และดูจากการปันผลหุ้น สามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการลงทุนในอนาคต และจึงดูที่โครงการใหม่ ๆ ทำในอนาคตเพิ่มว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
เคล็ดลับในการลงทุนหุ้น mai ต้องพิจารณาที่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารหรือใครคือผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจบริหารงาน และดูตัวเลขทิศทางทางการเงินที่ไปหาข้อมูลได้ที่บทวิเคราะห์จากทางบริษัท ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถบ่งบอกฐานะทางการเงินได้อย่างแท้จริง ซึ่งอีกวิธีหนึ่งคือการดูธุรกิจที่ยังมีการแข่งขันน้อย มีลักษณะของการผูกขาดและมีความชำนาญเฉพาะด้านที่เหนือกว่าบริษัทอื่น และมองดูการเติบโตที่ต่อเนื่องของธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ จะเป็นแนวทางที่ทำให้นักลงทุนนั้นเจ็บตัวน้อยที่สุด ตลาด mai ยังเป็นตลาดที่มีโอกาสสดใส เมื่อมองผลประกอบการโดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่าเงินปันผลใน 33 บริษัท มีตัวเลขปันผลที่ 6.5% ซึ่งถือว่าผลการตอบแทนที่ดีกว่าการฝากธนาคาร ที่อยู่ในสภาวะขาลงของดอกเบี้ยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีเป็นวิธีการเล่นที่ผู้เล่นหุ้นควรปฏิบัติตามอย่างเช่น
- การเล่นหุ้นตามแนวโน้มตลาดที่มีทิศทางที่สดใสอย่างตลาด mai ต้องมีแนวโน้มเดินหน้าต่อไปได้ดี และเมื่อถึงเวลาที่ขาดทุนแล้วก็จะต้องยอมขายไปทันที อย่ารอหรือหวังว่าหุ้นตัวนั้นจะขึ้นเพราะถ้าหากหุ้นตกไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก หรือที่นักลงทุนมักเรียกกันว่าการติดดอย
- เมื่อทิศทางตลาดเริ่มออกอาการเอาแน่เอานอนไม่ได้ ก็ต้องนิ่งเอาไว้ จนกว่าตลาดจะเริ่มทรงตัว แล้วดูทีท่าเพื่อรอจังหวะ พร้อมทั้งการลงเล่นประมาณ 5 ตัว เพื่อได้ติดตามง่าย และขายได้ทันเวลาที่ตลาดมีปัญหา และยังต้องมีการติดตามดูตลาดที่เล่นอยู่ตลอด เพื่อสามารถวิเคราะห์การลงได้แบบวันต่อวัน ซึ่งสถานการณ์รายวันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
- ทั้งยังต้องไม่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปจนทำให้ไม่คิดหาข้อมูลตัวเอง ซื้อโดยใช้ความชอบและความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนประเภทนี้มักจะตายน้ำตื้นกันแทบทุกคน
อ่านเพิ่มเติม : ซื้อหุ้นแล้วติดดอย ทำอย่างไรให้รอดพ้นวิกฤติ