การทำงานประจำในยุคปัจจุบันนั้น เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปจากอดีตพอสมควร เนื่องจาก มีการจบการศึกษาของเด็ก Generation ใหม่ที่ออกมาสู่ตลาดของการทำงาน แต่เด็กกลุ่มนี้มักชื่นชอบหาแรงบันดาลใจให้ตนเอง เพื่อให้ตนเองมีความแตกต่าง จากกรอบความคิดเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นของคนรุ่นก่อน ๆ เช่น เด็กรุ่นใหม่นิยมไม่ทำงานประจำ เนื่องจากไม่ได้มองว่ามันมั่นคงและเป็นงานที่ก่อให้เกิดรายได้ดีเหมือนยุคก่อน ๆ ที่ผ่านมา แต่มองว่าการทำงานประจำก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยงในเรื่องถูกใช้งานจนไม่มีเวลาส่วนตัว เงินเดือนน้อยไม่คุ้มกับที่จ่ายค่าเทอมมาทั้งชีวิต เมื่อเริ่มต้นที่ขั้นต่ำเพียง 15,000 บาท และบางสายงาน เริ่มต้นต่ำกว่านี้ก็มี ดังนั้น เด็กเหล่านี้จึงชอบสิ่งที่สามารถออกแบบได้เอง เช่น เวลา อยากทำงานเมื่อไรก็ทำได้ ไม่ต้องมีคนมาคอยสั่งงาน รายได้ ขยันเท่าไรก็ได้เท่านั้น ซึ่งก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนออกแบบตารางการทำงานของตนเองอย่างไร
จากที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสใหม่ ๆ ขึ้นมา 1 ในนั้นคือ กระแสผลักดันให้เหล่าคนทำงานประจำอยากมีอาชีพอิสระ ซึ่งอาชีพอิสระที่เราจะกล่าวถึงในบทนี้ก็คือ อาชีพ Full time Trader หรือ นักเล่นหุ้นแบบเต็มเวลานั่นเอง ซึ่งคนมักจะมองว่า เป็นอาชีพที่มีรายได้ดี ทำงานง่าย ไม่ยุ่งยาก มักเห็นโฆษณาชวนเชื่อตามปกหนังสือต่าง ๆ ที่มักบอกว่า เล่นหุ้นนั้นรวยเร็วมาก ๆ จาก 5 หลัก เป็น 7 หลักได้ง่าย ๆ หรืออื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน จึงเกิดกระแสการตั้งคำถามขึ้นว่า “ลาออกมาเป็นนักเล่นหุ้นแบบเต็มเวลาดีหรือไม่”อย่างที่หลาย ๆ คนอาจเคยเห็นผ่านตามาบ้างในกระทู้ต่าง ๆ เช่น http://pantip.com/topic/30718078 ดังนั้นวันนี้เราจะมาเจาะลึกในส่วนของการการเป็น Full time Trader กัน ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นกันที่ข้อดีของ Full time Trader
เวลา : คือข้อดีข้อแรกของอาชีพ Full time Trader เลย เนื่องจากเราสามารถกำหนดตารางเวลาเองได้ทุกอย่าง ว่าใน 1 วันนั้น เราจะทำอะไรหลังตื่นนอน หรือก่อนนอน เพราะเราเปรียบเสมือนเจ้านายตัวเอง ทำเท่าไรได้เท่านั้น ทำให้เรามีเวลาใช้ชีวิตในแบบที่ชอบมากกว่าอาชีพงานประจำแน่นอน เช่น สามารถแบ่งเวลาให้กับครอบครัวได้มากขึ้น เป็นต้น
สถานที่ : การเทรดหุ้นนั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ ไม่จำเป็นต้องเดินทางฝ่ารถติดเข้าเมืองไปไกล ๆ ไม่ต้องแย่งกันขึ้นรถไฟฟ้าแข่งกับคนอื่น ๆ แน่นอน การเลือกสถานที่ของอาชีพเทรดเดอร์นั้น ค่อนข้างน่าอิจฉา เพราะแม้คุณจะอยากเที่ยว คุณก็แค่พก Laptop หรือในสมัยนี้นั้น เพียงแค่ Smart Phone เครื่องเดียวก็สามารถเทรดหุ้นได้แล้ว
เงิน : ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยหลักสำหรับการคิดลาออกจากงานประจำเลยก็ว่าได้ เนื่องจากอาชีพนี้สามารถทำเงินได้มากในเวลาสั้น ๆ จริง แต่อย่าลืมว่า “การลงทุน มีความเสี่ยง” ซึ่งเป็นสโลแกนของตลาดหุ้นอยู่แล้ว ดังนั้นเราควรจะทำการบ้านให้ดีก่อนคิดลาออกมาจากงานประจำ อีกเรื่องคือ ต้นทุนในการเดินทางอย่างที่กล่าวในข้อดีเรื่องสถานที่ คือ เราจะประหยัดค่าเดินทางในแต่ละวันไปได้ เช่น ปกติเราได้รับเงินเดือนขั้นต้นที่ 15,000 บาท แต่เราต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นค่าเดินทาง อาจจะเดือนละ 2,000 บาท แล้วแต่การวางแผนของแต่ละคน ซึ่งนี่คือเท่ากับว่าเราได้รับเงินเดือนเพียง 13,000 บาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกิดขึ้นอีก แต่ Trader นั้น ไม่ต้องเสียต้นทุนส่วนนี้ เนื่องจากสามารถ Trade หุ้นที่บ้านได้เลย
ข้อเสียของ Full time Trader
เวลา : แปลกใจใช่ไหม ไหนบอกว่าคือข้อดี? เปล่าเลย เรากำลังเข้าใจผิดอย่างมาก จริงอยู่ที่เราสามารถกำหนดตารางเวลาเองได้ กำหนดได้ว่าอยากอยู่กับครอบครัวหรือไม่ แต่เราจะไม่ได้ให้เวลากับสิ่งเหล่านี้ 100% ได้อย่างแน่นอน เพราะ ถ้าเราอยากเป็น Full time Trader ที่ประสบความสำเร็จ เราจะต้องจัดตารางเวลาสำหรับมันแทบจะทุก ๆ วัน เพราะอย่าลืมว่า คุณจะต้องตื่นเช้า เพื่อมาวิเคราะห์ข่าวต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ว่าจะส่งผลกับหุ้นที่คุณสนใจหรือไม่ อีกทั้งยังต้องแบ่งเวลาไว้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ในการเลือกระบบ พัฒนาระบบการเทรด และที่สำคัญ เวลาที่เรามีหุ้นอยู่ในพอร์ตของเรานั้น ใจเราจะจดจ่ออยู่กับมัน เรามักจะเฝ้าดู เพราะเราว่าง ทำให้เวลาที่ว่างของเรานั้น ไม่ได้ว่างอย่างแท้จริง
เงิน : ปัญหาที่ใหญ่มาก จากที่กล่าวไว้ตอนข้อดี คือ การลงทุนในตลาดหุ้นนั้นมีความเสี่ยง นี่คือสิ่งที่เราจะต้องจำกัดมันให้ได้ คือ ปกติเราทำงานประจำเราจะได้เงินเดือนทุก ๆ เดือน ไม่ว่าเราจะทำงานแบบเอื่อยเฉื่อยแค่ไหน (เอื่อยเฉื่อยแบบที่ไม่ทำให้โดนไล่ออก) แต่กลับกัน การที่เราเป็น Full time Trader นั้น เราต้องรับแรงกดดันตรงนี้ได้ เพราะเราจะต้องเทรดหุ้น ให้ได้กำไร เพื่อเอากำไรมาเป็นเงินเดือนของเรา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นผันผวนมาก ๆ นั้น ทำให้บางเดือนเราอาจจะ ไม่ได้กำไรเลยก็ได้หรือไม่แน่อาจจะต้องขาดทุนจนต้องควักเงินเก็บออกมาใช้ไปก่อน ซึ่งข้อนี้นั้นเป็นสิ่งสำคัญมากอันดับ 1 เลย ว่าเรารับความเสี่ยงตรงนี้ได้หรือไม่
สุดท้ายแล้วสำหรับใครที่กำลังทำงานประจำอยู่และกำลังคิดจะ ลาออกจากงานประจำ มาลงทุนในหุ้น อยากให้ลองมองปัจจัยต่าง ๆ ในบทความนี้ให้ดี ลองตระหนักถึงมันว่าเรารับได้หรือไม่ เราสามารถทำกำไรได้มาก ๆ แบบที่เมื่อเฉลี่ยต่อเดือนแล้ว มีรายได้มากกว่างานประจำหรือไม่ แต่สำหรับใครที่เคยเทรดอยู่แล้วเป็นระยะเวลานาน ๆ และมีความมั่นใจ สามารถรับความเสี่ยงได้ การลาออกมาเป็น Full time Trader ก็เป็นเรื่องที่น่าจะดีสำหรับคุณ