มีคำพูดหนึ่งที่เมื่อนึกถึงการทำงานประจำแล้วต้องผุดขึ้นมา ไม่ว่าจะทำงานในสายงานไหนก็ตาม คือ “Comfort Zone” ซึ่งสำหรับใครที่ทำงานประจำอยู่มักจะมีความรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เพราะมักมีความเชื่อที่ว่า งานประจำนั้นไม่เสี่ยง สามารถเลี้ยงเราได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องความผันผวนทางเศรษฐกิจว่าจะเข้ามากระทบกับประเทศอย่างไร เพราะเชื่อว่าไม่ว่ายังไง บริษัทก็ต้องจ้างพนักงานไว้ทำงานแน่นอน
แต่หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วคำว่า “Comfort Zone” ไม่ได้หมายความถึงความไร้กังวล แต่หมายถึงสิ่งที่ทำให้เราไม่กระตือรือร้นต่อการทำงานต่างหาก เพราะด้วยความเชื่อข้างต้นเหล่านี้ที่ทำให้เราเกิดความตายใจขึ้นมา สะสมเรื่อย ๆ แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อสภาพเศรษฐกิจมีความผันผวน หรือถดถอยลงไป ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ที่เราคุ้นกันคือ การ “Layoff” หรือการปลดพนักงานออก เนื่องจากบริษัทไม่มีสภาพคล่องทางการเงินนั้นเอง ทำให้บริษัทต้องมีการปรับตัว ลดค่าใช้จ่ายที่เป็น Fix Cost ลง หรือจริง ๆ แล้วก็คือพยายามลดค่าใช้จ่ายทุก ๆ อย่างเท่าทำได้ลง เมื่อถึงคราวนี้ ก็จะโดนไล่ออกมาจาก “Comfort Zone” ในที่สุด
สำหรับใครที่ระหว่างทำงานประจำได้มีการวางแผนเกษียณไว้ มีการเก็บออม มีการลงทุนไว้บ้างแล้วนั้น ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมาย เพราะได้มีการเตรียมตัวไว้บ้างแล้วแต่สำหรับใครที่ไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้หรือไม่รู้จักเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้เลย เมื่อถูก Layoff ก็มักจะมืดแปดด้าน หาทางออกไม่ได้ หรืออย่างในกรณีของเจ้าของกระทู้นี้ http://webboard.money.sanook.com/forum/?topic=3707412 ที่ได้ตั้งกระทู้เพื่อขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำมา 2 ปีแล้ว อายุเยอะ ตกงาน และไม่มีเงินทุน ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าเลย ว่าถ้าเกิดไม่ได้ทำงานประจำแล้วนั้น จะทำอาชีพหรือกิจการอะไรต่อไปดี ซึ่งนี่คือตัวอย่างหนึ่งอย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ซึ่งการที่เราคิดว่าการทำงานประจำคือเราอยู่ใน “Comfort Zone” นั้น เป็นความคิดที่ไม่ดีเอาเสียเลย เราควรจะตระหนักว่า เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งของบริษัท ต้องออกมาทำงานอื่นเมื่อไรก็ไม่สามารถบอกได้
มาดูแนวทางของคนที่ตกงาน หรือโดนเลิกจ้าง ทั้ง ๆ ที่มีอายุพอสมควรแล้ว ว่าควรจะทำอย่างไร
- เริ่มต้นวางแผน :
เริ่มต้นด้วยการวางแผน ตั้งเป้าหมายของชีวิตใหม่ ว่าเราอยากได้อะไร แบบไหนยังไง เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน สิ่งต่าง ๆ จะเริ่มต้นได้เร็วขึ้น เช่น ถ้าเราอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง สิ่งที่เราต้องทำก็คือ หาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจกาแฟ พยายามหาเงินทุน ถ้าไม่มีเงินทุน ก็อาจจะไปสมัครงานร้านกาแฟ ที่รับพนักงานทั้งแบบประจำ และพาร์ทไทม์ เพื่อศึกษารูปแบบของการทำงานของธุรกิจประเภทนี้ว่าเหมาะกับเราหรือไม่อย่างไร และนำมาปรับใช้เพื่อวางแผนธุรกิจของเรา
- หาความรู้ :
เมื่อเราทำงานมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง เราจะรู้ว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของเรานั้น อยู่ที่เรื่องใดบ้าง ซึ่งมีคำพูดที่ว่า “เราไม่จำเป็นต้องลบจุดอ่อน เพียงแค่พัฒนาจุดแข็งก็พอ” ถ้าเรามีจุดแข็ง หรือเก่งในการทำงานประเภทไหน เราก็ทำงานประเภทนั้นให้ดีไปเลย เนื่องจากจะได้ไม่เสียเวลา และทำให้จุดแข็งของเรานั้นเป็นจุดขายที่ดีกว่าคู่แข่งให้ได้ ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเลือกทำธุรกิจ เพราะเป็นการสร้างธุรกิจจากความได้เปรียบของเรานั่นเอง
- มีความกล้า :
ความกล้าเปิดโลกใบใหม่ แน่นอนเราอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก แต่ไม่มีใครหรอกไม่เคยล้ม ขอเพียงแค่มีความตั้งใจ และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเข้ามา เลิกโทษโชคชะตาที่ทำให้เราต้องตกงาน เปลี่ยนสิ่งเหล่านี้มาเป็นพลังเพื่อให้เรามีแรงทำธุรกิจของเราต่อไปดีกว่า
- ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องเครื่องมือทางการเงิน :
และเมื่อมีโอกาสดำเนินธุรกิจแล้ว ก็อย่าลืมประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เคยผ่านมา การที่เคยล้มนั้นเป็นบทเรียนชั้นดี ว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ สิ่งที่ควรทำไม่ว่าจะใคร อายุเท่าไร หรืออาชีพไหนก็คือ ศึกษาเรื่องการเงิน เครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นอย่างมาก เช่น เริ่มต้นด้วยการออมเงิน และแบ่งส่วนหนึ่งของเงินออมไปลงทุนต่อ ขยายธุรกิจ หรือการทำประกันสุขภาพ เพราะจะช่วยให้เราลดความกังวลทางด้านการเงินไปได้อีกมากทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม : คนแบบไหนที่ เสี่ยงต่อการตกงาน !
สำหรับพนักงานประจำคนไหนที่กำลังจะโดนให้ออกจากงานประจำ หรือออกมาแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามและขณะนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเก็บรวบรวมองค์ความรู้ หรือกลั่นกรองประสบการณ์ เพื่อลุกขึ้นใหม่ ก็อยากจะขอให้มีกำลังใจ ให้เข้มแข็งเข้าไว้ อย่าย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะความสำเร็จมันไม่ได้ผ่านเข้ามาง่ายดายนัก แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินความพยายามของเราอย่างแน่นอน เช่น มีคำพูดว่า “โอกาส เป็นสิ่งที่เราต้องสร้างขึ้นเอง” ไม่มีใครได้โอกาสมาง่าย ๆ โดยไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย เช่น มีงานระดับผู้บริหารมาให้ทำ แต่ตัวเราไม่มีความรู้พอ ถึงฝืนทำไปก็มักจะต้องจบลงด้วยความล้มเหลวแน่นอน
ดังนั้นเริ่มต้นเสียตั้งแต่วันนี้ ยิ่งหลังจากที่เราล้มมานี้เองดี เพราะสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วงผลักดันเราให้ก้าวกระโดดได้ และอย่าลืมว่าคนที่ประสบความสำเร็จทั้งการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตนั้น ไม่ใช่บุคคลที่ไม่เคยล้ม แต่เป็นบุคคลที่เคยล้ม แต่สามารถลุกขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ย่อท้อต่างหาก