ขึ้นชื่อว่าหนี้ ใครๆก็ไม่อยากเป็น แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อมีความจำเป็นบังคับให้ต้องเป็นหนี้ มีคนจำนวนมากที่มีภาระหนี้สินติดตัวจนไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ต้องกู้ยืมเงินจากที่หนึ่งเพื่อไปโปะหนี้อีกที่หนึ่งเหมือนงูกินหาง และสุดท้ายเมื่อหมุนเงินไม่ทันก็ต้องตกอยู่ในวังวนของหนี้สินอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ซ้ำร้ายกว่านั้นบางคนยังตกเป็นทาสของหนี้นอกระบบ ที่มีดอกเบี้ยแพงมหาโหด ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด แถมพอไม่มีจ่ายก็ถูกติดตามทวงหนี้ด้วยวิธีการอันโหดร้ายอย่างที่เห็นเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือในโทรทัศน์กันอยู่บ่อยๆ
เมื่อรู้ถึงประสบการณ์อันเลวร้ายของการเป็นหนี้ ทำให้หลายคนตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะไม่มีทางเป็นหนี้อย่างเด็ดขาด ทั้งที่ความจริงแล้ว หนี้ที่ดีก็มีซึ่งเป็นหนี้ที่เปิดโอกาสให้ชีวิตมีความมั่นคงหรือขยายกิจการให้มีความก้าวหน้าขึ้นได้ จนทำให้เสียโอกาสที่ดีทางการเงินในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นเพื่อไม่ให้ชีวิตต้องพลาดอะไรดีๆไป จึงต้องมาทำความรู้จักกับหนี้และวิธีบริหารจัดการเพื่อให้หนี้ดีช่วยสร้างโอกาสให้กับชีวิต และจัดการกับหนี้ที่ไม่ดีไม่ให้ส่งผลกระทบกับชีวิตของคุณได้
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า หนี้ที่ทำให้รวยและหนี้ที่ทำให้จนมีความแตกต่างกันอย่างไร
- หนี้สินที่ทำให้รวย เรียกกันว่าหนี้ดี เป็นหนี้ที่ช่วยส่งเสริมความมั่นคงให้กับชีวิต ช่วยสร้างโอกาสในการทำเงินให้มากขึ้นหรือช่วยพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น อย่างเช่น หนี้สินที่กู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน,หนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อซื้อเครื่องจักรหรือขยายกิจการ,หนี้ที่กู้มาซื้อรถยนต์เพื่อใช้ส่งของหรือใช้ในกิจการ,หนี้เพื่อการศึกษาต่อ ที่ช่วยสร้างอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า เป็นต้น
- หนี้สินที่ทำให้จน เรียกกันว่าเป็นหนี้เลว เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อย่างเช่น หนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อใช้บริโภคอุปโภคในครอบครัว,หนี้ที่เกิดจากการพนัน,หนี้บัตรเครดิต ที่ไม่ได้นำมาใช้จ่ายเพื่อให้เกิดการลงทุนให้เงินงอกเงยขึ้น
หนี้สินที่กู้มาเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต เช่น ซื้อบ้านหรือขยายกิจการ ก็มีโอกาสที่จะเป็นหนี้เลวได้ หากบริหารจัดการเรื่องเงินไม่ดีจนไม่มีความสามารถที่จะผ่อนชำระหนี้ได้ ดังนั้นมาดูกันว่า สัญญาณที่แสดงว่าสถานะในการเป็นหนี้ของคุณเริ่มไม่ค่อยดีแล้วนั้น มีอะไรบ้าง
- มีหนี้สินที่ต้องชำระเกิน 40 % ของรายรับ เป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงของสภาพคล่องทางการเงินของคุณ เพราะภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนสูงขนาดนี้จะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆที่อาจไม่เพียงพอจนมีโอกาสที่จะก่อหนี้เพิ่มเพื่อลดความขัดสนในการดำรงชีวิต
- จ่ายได้เฉพาะขั้นต่ำ หากคุณมีความสามารถชำระหนี้สินได้ในระดับขั้นต่ำต่อเดือน นั่นแสดงว่าคุณกำลังจะเผชิญกับภาวะดอกเบี้ยสูง และอาจทำให้เกิดปัญหาหนี้สินท่วมตัวได้ในอนาคตอีกด้วย
- กู้ยืมเงินมาจ่ายหนี้สิน ถึงขั้นตอนนี้แล้วถือว่าอาการค่อนข้างหนัก และมีความเสี่ยงที่จะหาเงินมาจ่ายไม่ทัน เกิดหนี้สินล้นพ้นตัวและก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ เพราะฉะนั้นคุณควรปิดหนี้สินด้วยเงินจากการทำงานจะดีกว่า เพราะยิ่งคุณกู้เงินมาปิดหนี้สิน คุณก็จะมีหนี้สินอย่างไม่จบสิ้นแน่นอน
ดังนั้นเพื่อไม่ให้หนี้สร้างปัญหาให้กับชีวิตคุณ และช่วยส่งเสริมชีวิตและความเป็นอยู่ให้มีความมั่นคงและเป็นไปในทางที่ดีขึ้น จึงต้องรู้จักวิธีจัดการหนี้อย่างชาญฉลาดด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- วางแผนการเงินให้รอบคอบ บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้พอดี แบ่งเงินให้เป็นสัดส่วนทั้งเงินออม เงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และพยายามใช้ให้พอดี
- พิจารณาความจำเป็นในการเป็นหนี้ ก่อนจะเป็นหนี้ต้องคิดให้รอบคอบว่ามีความจำเป็นหรือไม่ และหนี้สินที่กู้ยืมมานี้จะให้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ทั้งการสร้างความมั่นคงหรือสร้างโอกาสที่ดีทางธุรกิจ
- ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง ขนาดของหนี้ที่ต้องจ่าย ไม่ควรมากเกินไปจนเกินกำลังและส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่อย่างนั้นจะเกิดความเสี่ยงในการผ่อนชำระหนี้ไม่ไหว หรือต้องไปกู้หนี้ยืมสินที่อื่นมาเพิ่มจนทำให้เป็นหนี้มากกว่าที่จำเป็นได้
- ตรวจสอบสินเชื่อที่จะกู้ยืมให้รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขในการกู้ยืมและอัตราดอกเบี้ย,ระยะเวลาในการผ่อนชำระ,ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอื่นๆในการกู้ยืม,ช่องทางการชำระหนี้ และ ความน่าเชื่อถือรวมถึงบริการของสถาบันการเงินที่จะกู้ ควรกู้จากสถาบันการเงินในระบบเท่านั้น ไม่ควรเลือกที่จะเป็นหนี้นอกระบบโดยเด็ดขาด แม้ในเบื้องต้นอาจจะเห็นว่ากู้ง่าย เงื่อนไขไม่ยุ่งยาก แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าการกู้เงินในระบบมาก