ลองคิดดูเล่น ๆ ถ้าเราอยู่ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว เราใช้เวลาช่วงพักกินกาแฟตอนสายอยู่ริมทะเลพร้อมครอบครัว หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คหุ้น ทำการซื้อขายเพียงชั่วอึดใจไม่เกิน 5 นาที ก็เสร็จงานพร้อมพักผ่อนกับครอบครัวต่อ ช่วงบ่ายก่อนตลาดปิด หยิบโทรศัพท์มาเช็คหุ้นอีกรอบ ก่อนทำการซื้อขายอีกครั้งเป็นอันเสร็จงาน ได้เงินเข้าบัญชีเพิ่มเบ็ดเสร็จหนึ่งหมื่นบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวครั้งนี้เกือบทั้งหมด แถมยังไม่ต้องทำงานอะไรมากอีกต่างหาก
เด็กจบใหม่วาดฝันไว้อย่างนี้ จริง ๆ ความจริงคือมันไม่ง่ายอย่างนั้น ดูเหมือนจะแทบไม่มีอยู่จริงในทางปฏิบัติ อาจมีความใกล้เคียงบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดได้บ่อย ๆ เพราะการเล่นหุ้นโดยเฉพาะการเล่นหุ้นแบบ Day Trade เพื่อให้ได้กำไรนั้น การเข้าซื้อและขายในจังหวะที่ถูกต้องเท่านั้น จึงจะได้กำไรจากราคาส่วนต่าง (Capital Gain) ลักษณะการเล่นแบบ Day Trade นี้ ถ้าดูกันตามลักษณะการเล่นของคนไทยแล้ว การเล่นของอาซิ่ม อาแปะที่แต่ละคนมีพอร์ทหลักล้าน นั่งรวมตัวกันดูตารางหุ้นตามบริษัทหลักทรัพย์ชนิดเฝ้าเกาะติดทั้งวัน ซื้อหุ้นแบบเฮไหนเฮไปตามกัน เป็นลักษณะที่เรียกว่า เม่าแบบโบราณ
ถ้าเม่าสมัยใหม่ส่วนใหญ่เป็นพนักงานประจำ เพียงแต่เม่าสมัยใหม่มักไม่มีเวลาจับตาดูพอร์ทเฝ้าพอร์ทกันทั้งวัน เพราะก็ต้องทำงานด้วย ลักษณะการเล่นจึงมักเกิดจากการได้ยินข่าวนั้นข่าวนี้ชนิดไม่ใช่ข่าวกรอง เพียงเพราะว่าหลงเชื่อคนที่บอกมาอ้างว่าเป็น “ข่าววงใน” เมื่อทราบข่าวแล้ว ข่าวก็ยิ่งแพร่กระจายเร็วว่าเชื้อไวรัส สามารถสร้างกระแสปั่นป่วนส่งผลมากพอให้หุ้นตัวใดตัวหนึ่งเกิดความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างมีนัยยะ และเมื่อเม่าทั้งหลายติดเบ็ด ก็มักจะตกเป็นเครื่องมือให้กลุ่มนายทุน หรือทุนใหญ่เพียงไม่กี่มือ ทำการเทขายทำกำไรแบบหมดหน้าตัก ราคาหุ้นดิ่งปักหัว พวกเม่าหลายตัวตายคากองเพลิง อีกหลายตัวถอยไม่ทันปล่อยไม่ออกติดดอยหนาว หลายตัวนกรู้ไม่โลภและมีประสบการณ์ ก็รอดตายกันแบบเจ็บนิด ๆ แต่ก็มีจำนวนน้อยเหลือเกิน
การเล่น Day Trade แบบนี้เรียกว่า เล่นแบบใช้ประสบการณ์และความรู้สึก รบสิบครั้ง ได้ห้าครั้งแบบนิด ๆ หน่อย ๆ ได้ครั้งหนึ่งแบบเป้ง ๆ เสียสี่ครั้งแบบเจ็บนิด ๆ ไม่เข้าเนื้อมาก อีกครั้งโดนหนักแบบเจ็บตัวร้องโอย แต่เรื่องบางเรื่องเจ็บแล้วไม่ค่อยอยากจะจำ โดยเฉพาะเรื่องที่เจ็บแล้วไม่เกิดภาระทางการเงินต่อเนื่อง ถือว่าเสียแล้วเสียไป แต่ถ้าเกิดภาระการเงินแบบพัวพันต่อเนื่องไปถึงกระแสเงินสดที่ใช้ในชีวิตประจำวันแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องที่จะต้องจำไว้เป็นบทเรียนสำคัญเลยทีเดียว
การเล่นแบบที่ว่ามาทั้งหมดนี้ จะว่าไปแล้วเป็นการเล่นหุ้นแบบเล่นกับความเสี่ยงโดยแท้จริง ผู้ที่มีความรู้และมีประสบการณ์การเล่นหุ้นจริง ๆ ไม่ทำกัน เพราะไม่มีใครอยากเอาเงินก้อนใหญ่มาเสี่ยง โดยที่ไม่รู้ทิศทางว่าเงินจะขึ้นหรือจะลง การเล่นหุ้นของผู้มีประสบการณ์มักแบ่งพอร์ทหุ้น 70% ไปลงทุนในหุ้นประเภทหุ้นลงทุนระยะยาวหรือที่เรียกว่าหุ้น VI ส่วนอีก 30% จะนำมาเล่นหุ้นแบบ Day Trade แต่การเล่นหุ้นแบบ Day Trade ระยะสั้นของนักเล่นหุ้นมืออาชีพ ใช้ความรู้และประสบการณ์ในการตัดสินใจ รวมถึงใช้ข้อมูลข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ มาประกอบในการตัดสินใจในการซื้อและขายหุ้นแต่ละตัว
สิ่งที่สำคัญที่สุดหรือจะเรียกว่าเป็นคีย์สำคัญในการเล่นหุ้นรายวันก็คือ การเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวหุ้นตัวที่สนใจจะเข้าลงทุน รวมถึงการศึกษาและทำความเข้าใจกับการประกอบธุรกิจของบริษัทนั้น ๆ เป็นอย่างดี ศึกษางบการเงินย้อนหลังไม่น้อยกว่า 5 ปี ติดตามข่าวสารและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจนเข้าใจ จึงจะเริ่มเข้าลงทุน
จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจหุ้นตัวหนึ่ง ๆ ได้ แต่มันมีความจำเป็นอย่างมากในการเพิ่มความมั่นใจให้กับเงินลงทุนของคุณ ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าให้เฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของหุ้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าให้ดูแค่ราคาว่าวันนี้ปิดเท่าไหร่ แล้วพรุ่งนี้ปิดเท่าไหร่ แต่ให้ดูด้วยว่า Volume การซื้อขายในภาวะปกติเป็นเท่าไหร่ แรงซื้อแรงขายต่อวันเป็นอย่างไร เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติส่งผลกระทบกับ Volume มากน้อยเพียงใด
เมื่อเข้าใจลักษณะหรือ Character ของหุ้นนั้น ๆ แล้ว ก็ต้องอาศัยเทคนิคการดูกราฟ ซึ่งมีรายละเอียดมาก มีหนังสือหลายเล่มเขียนเจาะเฉพาะเรื่องเทคนิคดูกราฟหุ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นที่นักเล่นหุ้นแบบ Day Trade (ที่ไม่ใช่แมงเม่า Day Trade) ต้องรู้และเข้าใจให้ถ่องแท้
เมื่อถึงตอนนี้หลายคนอาจเกิดคำถาม แล้วเราจะเลือกจับตามองดูหุ้นตัวไหนดีล่ะ ในเมื่อหุ้นมีเป็นร้อยเป็นพันตัว
เป็นคำถามที่ถึงแม้ว่าเกือบจะเป็นคำถามโลกแตก แต่ก็อาจบอกเป็นหลักคร่าว ๆ สั้น ๆ ได้ อย่างเช่น หุ้นที่มักเป็นเป้าหมายสำหรับการเล่นหุ้นแบบ Day Trade ให้ดูที่หุ้นที่อยู่ใน Most Active List หรือหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวมาก ลองสังเกตดูทุก ๆ วัน อาจมีซ้ำบ้าง ไม่ซ้ำบ้าง ให้ดูทุก ๆ วัน จนชินตา (ส่วนใหญ่มักเป็นหุ้นกลุ่มแบงค์ พลังงานและสื่อสาร) การที่หุ้นเคลื่อนไหว (Active) มาก แสดงว่าเป็นหุ้นที่มี Volume การซื้อขายมากนั้น หมายความว่า ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงรายวันแบบที่สามารถสร้างกำไรขาดทุนให้นักลงทุนได้ ดังนั้นควร โหลดโปรแกรม เพื่อช่วย เช่นการ โหลด mt4 หากลงทุนกับหุ้นที่ไม่มีแรงซื้อแรงขาย แม้ตลาดมีความเคลื่อนไหวผันผวนระดับกลาง ๆ คุณจะไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าหุ้นตัวนั้นจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดในชั่วโมงต่อไป เป็นการเสี่ยงอย่างแท้จริง
การเลือกหุ้นประเภทราคาถูกมากหลักสิบบาทหรือแม้แต่หลัก 3-4 บาท ถึงหลักสตางค์ มีความเสี่ยงต่อภาวะการตกใจ (Panic) ของตลาด เพราะมีความ Sensitive สูง เพราะหุ้นราคาไม่แพง นักลงทุนรายย่อยหลักไม่กี่พันบาทก็สามารถซื้อได้ หากเกิดภาพภาวะผันผวนไม่ว่าจะเป็นไปด้วยกลไกตลาด หรือถูกปั่นป่วนโดยตรง หุ้นกลุ่มนี้ย่อมเคลื่อนไหวรุนแรง และหุ้นกลุ่มนี้นี่เองที่มักเป็นเป้าหมายโจมตีของพ่อค้าทุน เพราะปั่นง่ายปล่อยข่าวง่ายนั่นเอง