ในยุคนี้ที่ใครๆ ก็โหยหาคำว่า อิสรภาพทางการเงิน และก็หลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดไปว่าไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้แบบสบายมือ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดต่อๆ กันมา ถ้าจะให้ ความหมายของ อิสรภาพทางการเงิน ที่ถูกต้อง นั่นก็คือ การได้ทำงานที่ชอบ มีรายได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งส่วนตัวและของครอบครัว ดังนั้นถ้าหากเราอยากจะมีอิสรภาพทางการเงิน เราจะต้องวางแผนทางการด้านเงินของตัวเองอย่างเป็นระบบ และต้องทำตามแผนนั้นให้ได้ตามที่วางไว้ เรามาดูกันดีกว่าว่าจะมีอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไรกัน
เริ่มที่จัดสรรรายได้สำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทก่อน เพื่อที่จะทำให้เรารู้สถานะของตัวเองว่าทุกวันนี้มีรายได้เข้ามาเพียงพอกับค่าใช้จ่ายกันหรือเปล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรจะต้องทำเพราะทำได้ง่ายที่สุดไม่ต้องวุ่นวายกับใคร เราจะต้องแยกค่าใช้จ่ายของตัวเองดูว่าในแต่ละเดือนนั้นมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และก่อนที่จะเอารายได้ที่รับมาไปจ่ายแต่ละเรื่อง เราก็ควรที่จะแบ่งรายได้ออกเป็นส่วนๆ ก่อน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การแบ่งรายได้ที่รับมาไปเป็นเงินออม แล้วค่อยเอาไปใช้จ่ายต่างๆ หากรายรับไม่พอแล้วล่ะก็ควรที่จะต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง และหารายได้จากทางอื่นมาเพิ่มนอกจากรายได้จากงานประจำ
บทความแนะนำ : เทคนิค จัดสรรเงินรายได้ เพื่อใช้จ่าย – ออมเงิน – ลงทุน
ถ้าหากจำเป็นต้องมีการสร้างหนี้สินแล้วล่ะก็ เราก็จะต้องมีการบริหารหนี้แบบฉลาดกันสักนิด คือ เราจะต้องรู้จักบริหารจัดการหนี้และก่อหนี้สินที่มีประโยชน์แทนการเป็นหนี้สินเพื่อสิ่งของฟุ่มเฟือย เพราะการเป็นหนี้บางครั้งก็ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น เช่น การกู้เพื่อซื้อบ้าน การกู้เพื่อประกอบธุรกิจ แต่ที่สำคัญคือ จะต้องไม่ก่อนหนี้สินให้มากจนเกินความสามารถของตัวเอง คือ รวมๆ แล้ว ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยของหนี้สินทุกก้อนรวมกันจะต้องไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน
ต่อมาต้องเป็นคนที่มีระเบียบวินัย คือ ได้ใบแจ้งหนี้หรือใบเสร็จอะไรมาก็จะต้องจัดตารางการจ่ายชำระเงินให้ตรงตามกำหนด เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียค่าทวงถามและค่าดอกเบี้ยไปโดยไม่จำเป็น ซึ่งเราอาจจะจดไว้ที่ปฏิทิน หรือจะใช้มือถือเป็นตัวช่วยเตือนอีกทางหนึ่งก็ได้ และเพื่อให้เราสามารถปลดหนี้สินได้เร็วขึ้น เราก็จะต้องไม่ไปก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นมาอีก จำพวกหนี้สินจากบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะหนี้สินเหล่านี้จะมีดอกเบี้ยที่สูงมาก แต่ถ้าหากมีแล้วก็ต้องประหยัดอดทนเพื่อชำระหนี้คืนให้หมดโดยเร็ว หรือถ้าเห็นว่าตัวเองผ่อนไม่ไหวแน่ๆ แล้ว ก็ควรจะติดต่อกับเจ้าหนี้ซะ เพื่อที่จะได้หาทางผ่อนผันกันต่อไป
เมื่อสามารถจัดการกับเรื่องค่าใช้จ่ายและหนี้สินของตัวเองได้แล้ว ก็จะต้องนึกถึงเรื่องการออมเงินอย่างมืออาชีพกันบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้การฝากเงินในธนาคารเพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจจะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเหมือนในอดีตได้อีกแล้ว ดังนั้นการหาช่องทางเพื่อลงทุนในทางเลือกอื่นๆ ก็ควรจะต้องศึกษากันไว้บ้าง เช่น การลงทุนในกองทุนรวม การลงทุนในหุ้น หรือจะเป็นการลงทุนในพันธบัตร สลากออมสิน สลากออมทรัพย์ กันดูบ้าง เพราะบางครั้งก็ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงินกับธนาคารเพียงอย่างเดียวด้วย
และเพื่อไม่ประมาทในเรื่องการเงินของตัวเอง เราก็ควรที่จะวางแผนรับมือกับเรื่องที่ไม่คาดฝันหรือเรื่องฉุกเฉินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องสุขภาพ หรือจะเรื่องครอบครัว เราก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน ง่ายๆ เลย เราควรจะต้องมีเงินออมเผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉินทีครอบคลุมรายจ่ายของเราอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ควรทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมจากสวัสดิการที่ได้รับจากทีทำงาน อีกทั้งก่อนที่จะกู้เงินจำนวนมากและมีระยะเวลายาวนาน เช่น การกู้เพื่อซื้อบ้านนั้นอย่าลืมนึกถึงค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตมาใช้ในการตัดสินใจด้วย อย่าคิดแต่ด้านรายได้ที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว และถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะหารายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ สำหรับใช้เป็นรายได้สำรองหากรายได้ประจำหายไป
ไม่ยากเลยสำหรับการวางแผนให้ตัวเองไปสู่อิสรภาพทางการเงิน แต่ย้ำกันอีกทีอิสรภาพทางการเงินไม่ใช้การไม่ทำงานแล้วมีเงินใช้ แต่อิสรภาพทางการเงิน คือ ได้ทำงานที่ชอบ มีรายได้เพียงพอและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายกันอีกต่อไป ลองทำกันดูนเพื่อทีจะได้ไปสู่อิสรภาพทางการเงินด้วยกัน