ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมนักลงทุนควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกองทุนที่เราสนใจที่จะลงทุนให้ดีเสียก่อน เพราะการลงทุนในกองทุนรวมก็ถือว่ามีความเสี่ยงเช่นกัน แม้ว่าผู้บริหารกองทุนหรือบริษัทจัดการกองทุนรวมจะถือว่ามีประสบการณ์ในการลงทุนมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเราก็ตาม ความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในกองทุนรวมก็จะเหมือนกับความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมนั้นไปลงทุน เช่น หากเราเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ความเสี่ยงของกองทุนนั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาดหุ้น หากเราเลือกลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ความเสี่ยงของกองทุนรวมจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่าเช่า ราคาอสังหาริมทรัพย์และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนั้น หากเราเลือกลงทุนในกองทุนรวมทองคำ ความเสี่ยงก็จะขึ้นอยู่กับราคาทองคำในขณะนั้นว่าขึ้นหรือลงจากตอนที่เราซื้อ เป็นต้น
ก่อนที่จะลงทุนเราควรเลือกกองทุนรวมที่เหมาะกับสไตล์ในการลงทุนของเรา เช่น หากเราอายุยังน้อยสามารถรับความเสี่ยงได้มากและต้องการผลตอบแทนที่สูงพอสมควร ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อาจมีนโยบายในการลงทุนในหุ้นทั้ง 100% เลยก็ได้ หรือหากเราอยู่ในวัยใกล้เกษียณรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งตราสารหนี้และหุ้น หากอยากเลือกลงทุนในกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลด้วย ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีกองทุนรวมที่หลากหลายมากให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ ก่อนซื้อหรือลงทุนก็ควรศึกษาให้ดีก่อนโดยเปรียบเทียบจากผลงานของแต่ละกองทุนที่สามารถทำได้ในอดีตที่ผ่านมา โดยควรดูเป็นระยะเวลาที่ยาวหน่อย ไม่ใช่เลือกกองทุนเด่นที่ทำผลงานเข้าเป้า 3 เดือนที่ผ่าน หรือ 1 ปีที่ผ่าน ควรดูย้อนหลังไปถึง 3 ปีหรือ 5 ปี หากเป็นไปได้ แต่เรื่องที่นักลงทุนควรคิดพิจารณาอยู่เสมอก็คือ ผลงานในอดีตที่ผ่านมาของกองทุนรวมไม่ได้รับประกันถึงความสำเร็จในอนาคต ต้องอย่าลืมข้อสำคัญข้อนี้จริง ๆ
การเปรียบเทียบกองทุนรวมนอกจากจะจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุนรวมแล้ว ผู้ที่ลงทุนไปแล้วก็สามารถเปรียบเทียบผลงานของกองทุนรวมได้ เพื่อให้เห็นผลงานของกองทุนที่เราเลือกลงทุนไปว่าให้ผลตอบแทนสูงหรือต่ำกว่ากองทุนอื่นที่เป็นประเภทเดียวกัน โดยข้อมูลในเรื่องของกองทุนรวม นักลงทุนสามารถค้นหาหรืออัพเดทได้ทุกวันที่ http://www.morningstarthailand.com/th/ หรือ http://www.wealthmagik.com/FundInfo/TopReturn.aspx
หลักในการเปรียบเทียบหรือจัดอันดับกองทุนรวมนั้น ควรเปรียบเทียบกับกองทุนรวมที่มีนโยบายในการลงทุนในทรัพย์สินที่เหมือนกัน เพราะผลตอบแทนและความเสี่ยงจะใกล้เคียงกัน กองทุนรวมที่มีนโยบายในการลงทุนที่แตกต่างกันจะไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เพราะผลตอบแทนและความเสี่ยงแตกต่างกันมาก ทรัพย์สินที่กองทุนเลือกไปลงทุนเป็นทรัพย์สินคนละประเภทกัน อย่างกองทุนตราสารหนี้ก็ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกับกองทุนหุ้น เป็นต้น แม้แต่กองทุนหุ้นด้วยกันเองยังมีประเภทปลีกย่อยลงลึกไปอีก เช่น กองทุนหุ้นที่มีนโยบายในการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ หรือ กองทุนหุ้นระยะยาว เป็นต้น
วันนี้เราจะมา จัดอันดับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่คนทำงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือนรู้จักกันดี เพราะเป็นกองทุนรวมที่สามารถเลือกลงทุนเพื่อช่วยประหยัดภาษีได้ ทำให้ต้องตัดสินใจกันทุกปีว่าปีนี้จะลงในกองไหนดี เนื่องจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นระยะยาว การวิเคราะห์ผลตอบแทนหรือความเสี่ยงของกองทุนก็ควรดูแบบระยะยาวด้วย เพื่อเป็นการสะท้อนผลงานของกองทุนที่แท้จริงได้ดีกว่าการวิเคราะห์ในระยะสั้น ๆ
10 อันดับกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่ทำผลงานได้โดดเด่น โดยเราจะดูจากผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลัง และเลือกเฉพาะที่ทางมอนิ่งสตาร์จัดความเสี่ยงให้อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงอย่างน้อยเท่ากับค่าเฉลี่ยหรือต่ำกว่านั้นเท่านั้น โดยความเสี่ยงของกองทุนจะวัดจากความผันผวนของผลตอบแทน 3 ปี (ตัวเลขน้อยถือว่าความเสี่ยงน้อย ตัวเลขมากถือว่าความเสี่ยงมาก) ได้ผลดังนี้
ข้อมูลที่นำมาจัดอันดับในวันนี้ เป็นข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2559 แหล่งที่มาคือ http://tools.morningstarthailand.com/th/fundquickrank/default.aspx?Site=th&LanguageId=th-TH
ผู้ที่กำลังมองหากองทุน LTF เพื่อซื้อในปี 2559 นี้ก็อาจใช้การจัดอันดับนี้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อเลือกกองทุนสำหรับการไปศึกษาเพิ่มเติมต่อไป โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละกองทุนว่าปัจจุบันนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวไหนบ้าง อยู่ในอุตสาหกรรมไหน ในสัดส่วนเท่าไหร่ หากอยากลงทุนในกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผล ก็มีกองที่ติดอันดับอยู่ในนี้ด้วย สามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของประวัติการจ่ายเงินปันผลในอดีตที่ผ่านมาได้เช่นกัน โดยเข้าไปดูได้ในเว็บไซด์ตามลิงค์ที่ให้ไว้ด้านบนได้เลย