การช้อปปิ้งที่สาวๆ มักจะคิดว่าเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง ที่สามารถสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองได้อย่างไม่รู้ตัว ยิ่งไปห้างที่มีของกินของใช้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เพลิดเพลินมากขึ้นเท่านั้น แถมบางครั้งเจอของที่ถูกอกถูกใจจนบางครั้งทำให้ลืมไปว่าก่อนที่คุณจะเริ่มจับจ่ายใช้เงินนั้น คุณเคยมีปัญหาทุกข์ใจกับเรื่องงาน หรือมีความกังวลใจอย่างอื่นมาก่อน จนทำให้บางครั้งอาจเกิดการลืมตัว และใช้จ่ายเงินจนเกินงบไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะบางคนมีวิธีคลายเครียดหลายอย่าง ไม่ว่าจะหาทางออกด้วยการตระเวนกิน หรือแม้แต่การช้อปปิ้ง การไปเที่ยวคนเดียว ฯลฯ ซึ่งจะทำอย่างไรจึงจะทำให้คุณไม่ต้องเจอกับปัญหาเหล่านั้น ด้วยการแก้ปัญหาด้วยวิธีแบบผิด ๆ จนอาจทำให้คุณเองได้กลายเป็นหนี้ไปแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะความประชดชีวิตนั่นเอง จะทำอย่างไรเพื่อที่จะได้มีเวลาบริหารการเงินก่อนที่จะทำการช้อปปิ้ง และใช้จ่ายแบบไม่บานปลาย
1.มีงบสำหรับการช็อปปิ้ง
ต่อให้มีเงินมากหรือเงินน้อย แต่หากมีการตั้งงบประมาณสำหรับการช้อปปิ้ง หรือจับจ่ายใช้สอยอื่น ๆ เชื่อได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณมีการใช้เงินแบบไม่เกินตัว เพราะคุณจะรู้ได้ว่าสามารถใช้เงินที่จะซื้อของได้เท่าไร แต่ก็ต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่า ณ เวลานั้น คุณเหลืองบประมาณที่จะช้อปปิ้งเท่าไหร่? เมื่อหันมาดูเงินในกระเป๋าก่อนทุกครั้งที่จะต้องซื้อของ แล้วให้ทำการตัดสินใจได้ว่าควรซื้อหรือไม่ ซึ่งจะว่าไปหากต้องการซื้อของจริงๆ ก็อาจจะลองเปลี่ยนสถานที่เดินดูก็ได้ เพราะหากไปตามห้างดังๆ แน่นอนว่าราคามันต้องแพงขึ้นมาเกือบเท่าตัว หากเทียบกับตลาดนัด หรือเปิดท้ายที่อาจมีของคุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ราคาถูกกว่า ก็จะช่วยทำให้ประหยัดงบได้มาก และยังมีเงินเหลือเก็บอีกด้วย แม้จะตั้งงบไว้ก็ตาม
2.ซื้อของที่จำเป็นหรือไม่
ของบางอย่างที่คุณซื้อมา แม้ไม่ได้เกิดจากความจำเป็นที่จะต้องรีบนำมาใช้ หากแต่เกิดจากความอยากได้ล้วน ๆ เพราะอาจจะถูกใจ เรื่องรูปร่าง ราคา หรือความอินเทรนด์ ตามกระแสนิยม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่บังคับใจกันได้ยากก็จริง เพราะบางครั้งความต้องการมันก็อยู่เหนือเหตุผลที่ไม่สามารถบอกได้ แต่หากคุณเองมีงบประมาณที่จำกัด ก็จะทำให้สามารถตัดสินใจเลือกในความจำเป็นก่อนว่าของที่จะซื้อนั้น มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน ต้องรีบใช้หรือไม่ หากพิจารณาหาความสมเหตุสมผลแล้ว ก็ต้องตัดสินใจให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นเสียดาย เสียเวลา และเสียเงินในภายหลัง
3.ซื้อของตอนลดราคาน่าจะดีกว่า
ยังมีสินค้าชนิดเดียวกัน แต่มีคุณภาพที่เรียกว่าแทบจะไม่แตกต่างกัน ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงลดราคา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพและปริมาณของสินค้าที่ลดราคา ซึ่งก็เหมือนกับช่วงที่มีการขายเต็มราคาอย่างแยกไม่ออก หากเปรียบเทียบคุณภาพของสินค้าแล้ว คุณอาจต้องบอกกับตัวเองว่า น่าจะซื้อของตอนลดราคาบ้าง เพราะจะช่วยให้ประหยัดเงินได้หลายเท่าตัว หรือซื้อของที่มีโปรโมชั่น หรือจัดรายการเซลล์ ลดล้างสต๊อก หรือซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ฯลฯ แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่า สินค้าที่คุณต้องการจะจัดราคาถูกแบบนี้ในช่วงไหนบ้าง ที่สำคัญ ไม่ควรซื้อของราคาถูก หรือลดราคามาเก็บไว้ให้รกบ้าน หากไม่ได้ใช้ของนั้นๆ อย่าซื้อมาเพราะเห็นแก่ของถูก แต่ควรซื้อมาเพราะเป็นของที่มีความจำเป็นจริง ๆ
4.อย่าซื้อของโดยเน้นไปที่ปริมาณ
ในการซื้อของแต่ละครั้ง สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ การคำนึงถึงในเรื่องของคุณภาพของสินค้าชิ้นที่จะซื้อ อย่าพยายามเห็นแก่ปริมาณที่มันมีมากมายเพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ของสินค้าเหล่านั้น หรืออาจจะนำมาใช้ หรือรับประทานไม่ทัน ทำให้หมดอายุเสียก่อนได้ โดยก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง คุณต้องไม่ลืมว่าคุณจะได้ทันใช้ และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ ซึ่งก่อนที่จะใช้เงินซื้ออะไรสักอย่าง ก็จะต้องไม่ลืมที่จะนึกถึงความคุ้มค่าของเงินที่ต้องควักกระเป๋าจ่าย หากใช้ของสิ่งนั้น ๆ แล้วไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไป อาจจะมานึกเสียดายทีหลัง ก่อนช้อปปิ้งทุกครั้ง ลองมานั่งนึกดูก่อนว่าการที่คุฯจ่ายเงินไป มันจะคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน อย่านึกถึงความอยากได้ เพราะสนองกิเลสหรือความต้องการเพียงอย่างเดียว เมื่อต้องการช้อปปิ้งให้เกิดความสนุก และไม่เป็นทุกข์ถนัดเมื่อต้องจ่ายเงิน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่างใด เพียงแต่คุณเองก็ต้องรู้จักวางแผน อีกทั้งการบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพก่อน ซึ่งการทำเพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ช้อปปิ้งได้อย่างสบายใจมากขึ้นแล้ว