กลับมาอีกครั้งสำหรับซีรีย์ “มือใหม่เข้าตลาดหุ้น” หลังจากที่ในซีรีย์ก่อน ได้กล่าวถึงขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อทำการซื้อขายหุ้น รวมถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการลงทุนสำหรับนักลงทุนในหุ้น มาถึงสำหรับในซีรีย์ที่ 4 จะเป็นการกล่าวถึงการเข้าซื้อและขายหุ้น โดยก่อนที่จะเจาะรายละเอียดว่าจะซื้ออย่างไรซื้อตัวไหน ผู้เขียนขอทำความเข้าใจกับผู้อ่านก่อนว่า
ผู้เขียนเป็นมือใหม่ในตลาดหุ้นอย่างแท้จริง ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในตลาดหุ้น ดังนั้นสิ่งที่เขียนจึงพยายามที่จะสื่อสารให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงขั้นตอนและเทคนิคการเล่นหุ้นไปพร้อมๆกับผู้เขียน ซึ่งศัพท์ต่างๆหรือวิธีการเขียนจึงเน้นให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย
กลับมาสู่เนื้อหาที่จะนำเสนอในซีรีย์นี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้เขียนได้ทำการฝากเงิน (Cash Balance) เพื่อทำการซื้อขายหุ้นด้วยเงินทุน 5,000 บาท ก่อนที่ผู้เขียนจะทำการฝากเงิน ก็ได้สอบถามกับนักลงทุนท่านอื่นๆ ว่าต้องเริ่มต้นลงทุนเท่าไหร่ถึงจะพอดี หลายคนก็ตอบแตกต่างกันเช่น อย่างน้อย 50,000 บาท หรือ 20,000 บาท บางคนก็บอกว่าขึ้นอยู่กับเงินที่เราจะสามารถรับความเสี่ยงได้ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเงินเท่าไหร่ ผู้เขียนจึงตัดสินใจที่จะเลือกลงทุนเริ่มต้นที่ 5,000 บาท เพราะผู้เขียนไม่ใช่นักลงทุน เป็นเพียงผู้ที่ต้องการผลกำไรจากการออมในหุ้นเท่านั้น เงิน 5,000 บาท สำหรับผู้เขียนจึงเป็นการเริ่มต้นที่ดี และเป็นเงินทุนที่พร้อมจะสูญเสียเพื่อเป็นค่าวิชา
ผู้อ่านต้องเข้าใจก่อนว่าเงินทุนที่มี ผู้อ่านสามารถแบกรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่าจะต้องมีเงินทุนเท่าไหร่ มีมากก็สามารถลงทุนได้มาก เพราะผลกำไรก็จะได้มากด้วย มีน้อยผลกำไรก็ได้น้อย ซึ่งจุดนี้ผู้อ่านจะต้องทำความเข้าใจ และต้องเข้าใจด้วยว่า การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง โอกาสได้มี โอกาสเสียก็มีเช่นเดียวกัน ผู้อ่านจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุน โดยมีวิธีการลงทุนแบบเริ่มต้นดังต่อไปนี้
ศึกษาวิธีการซื้อและขั้นตอนการซื้อ
- เมื่อได้รับหมายเลขบัญชีและรหัสผ่านแล้วจากบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้สมัครไว้แล้วนั้น ให้ทำการ Login จะปรากฎข้อมูลมากมายไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร บทวิเคราะห์เทคนิคการลงทุน หรือข้อมูลต่างๆเต็มไปหมด ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีข้อมูลและเนื้อหาที่แตกต่างกัน อย่างพึ่งตกใจ ค่อยๆทำเข้าใจและศึกษา
- เมื่อทำการศึกษาเสร็จสิ้นแล้ว ให้ทำการเลือกไป “ Streaming” ซึ่งจะเป็น Dashboard สำหรับส่งคำสั่งการซื้อขาย Online แบบ Real Time ที่แสดงข้อมูลต่างๆในรูปแบบของกราฟและตัวเลขเต็มไปหมด ไม่ต้องตกใจอีกเช่นกัน ข้อมูลอักษรย่อจะเต็มไปหมด แต่อักษรต่างๆที่ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านเริ่มต้นทำความเข้าใจประกอบด้วย
- ด้านบนจะเป็นแทบเมนูต่างๆ ซึ่งเมนูที่สำคัญ คือ
– เมนูสรุปสภาวะตลาดหลักทรัพย์/ตลาดอนุพันธ์ (Market Watch)
– เมนูพอร์ตการลงทุน (Portfolio)
– เมนูดรูาคาคำสั่งซื้อและเสนอขาย (Bids Offers)
– เมนูรายการซื้อขายล่าสุดหลักทรัพย์/อนุพันธ์ (Ticker)
– เมนูรายละเอียดหลักทรัพย์/อนุพันธ์รายตัว (Quote) – เมนูข่าว (News)
– เมนูการตั้งค่า (Settings)
ข้อมูลเหล่านี้ ผู้อ่านสามารถทำการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมวิธีการใช้ได้ที่ Settrade จาก Link ด้านล่าง
http://www.settrade.com/StaticPage/products/manual/Manual_StreamingPro.pdf
- ด้านล่างของหน้าจอ เป็นเมนูที่สำหรับส่งคำสั่งซื้อและเสนอขาย
จะประกอบด้านเครื่องหมายสำหรับเลือกจำนวนเงินเพื่อซื้อ โดยราคาการซื้อจะอยู่ที่ราคาต่อหุ้นของแต่ละหุ้น เช่น หุ้น XXX มีราคา 1.20 ต่อหุ้น (ในวันนั้น) หากต้องการซื้อจะต้องทำการกรอกจำนวนเงินเข้าไปในช่องซ้ายมือสุดและเลือกจำนวนเงิน โดยระบะจะทำการคำนวณ Volume จำนวนหุ้นและราคาหุ้น จากนั้นระบบจะทำการบวกค่าธรรมเนียมเข้าไปด้วย โดยแต่ละบริษัทหลักทรัพย์จะมีอัตราค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ซึ่งวิธีการซื้อขายผ่านระบบสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Settrade
ข้างต้นเป็นการกล่าวแบบย่อๆถึงวิธีการใช้ระบบ Streaming ผู้อ่านควรจะทำความเข้าใจเพื่อการซื้อขายที่ง่ายขึ้น
ในส่วนต่อมาที่จะกล่าวถึง คือ การเลือกหุ้นที่จะทำการซื้อ
การที่เราจะเลือกซื้อหุ้นสักตัวนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับมือใหม่ เนื่องจากข้อมูลต่างๆนั้นพร้อมที่จะไหลเข้ามาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนนั้นบอกว่าหุ้นนี้ดี หุ้นตัวนี้มีโอกาสทำกำไร หุ้นตัวนี้วงในบอกมา แต่สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะต้องทำ คือ การวิเคราะห์หุ้นที่เราสนใจให้ดี เชื่อมั่นในตัวเอง ตรวจสอบผลประกอบการของหุ้นตัวนั้น กลุ่มหุ้นที่เราสนใจอยากจะลงทุน โดยการดูกราฟสถิติย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน ว่ามีความผันผวนมากน้อยแค่ไหน จุดตัด รวมถึงราคาสูงสุดอยู่ที่เท่าไหร่ และราคาตํ่าสุดอยู่ที่เท่าไหร่ นอกจากนี้ให้ดูกราฟด้วยว่าราคาทึ่อยู่ตรงกลางอยู่ที่เท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น หุ้น XXX มีราคาปิดเมื่อวานอยู่ที่ 1.20 บาทต่อหุ้น วันนี้เราสนใจที่จะลงทุนในหุ้น XXX เมื่อตลาดเปิดในช่วงเช้าราคาหุ้น XXX ลงมาอยู่ที่ 1.10 บาท อย่าพึ่งเข้าซื้อ ให้ดูกราฟก่อนว่าราคาสูงสุดหรือที่เรียกว่า cieling และราคา Floor อยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าราคาสูงสุดอยู่ที่ 1.60 และราคาตํ่าสุด 0.90 ให้ทำการซื้อได้ เพราะโอกาสที่หุ้นตัวนี้จะมีกำไรสูงจากราคาสูงสุด และโอกาสที่จะล่วงลงมาต้องไปเกิน 0.90 หากหุ้นล่วงลงไปอยู่ที่ 1.00 หรือเทคนิคคำนวณจากต้นทุนต้องเสียไม่เกิน 10% ของต้นทุน ให้รีบทำการขายหรือที่เรียกว่า Cut Loss เพื่อไม่ให้สูญเสียไปมากกว่านี้ ( นี้เป็นเทคนิคที่ผู้เขียนทำความเข้าใจเอง นักลงทุนอื่นอาจจะมีวิธีที่แตกต่างกัน)
แต่ข้างต้นวิธีการซื้อ ผู้เขียนจะนำมาเสนออีกครั้ง หลังจากที่ผู้เขียนเริ่มซื้อด้วยเงิน 5,000 บาท
ในส่วนสุดท้ายวิธีการเลือกหุ้น ให้เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี และราคาต่อหุ้นที่ถูก อย่าซื้อหุ้นที่มีราคาต่อหุ้นสูง แม้ว่ามีพื้นฐานที่ดีและอยู่ใน Top 5 แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะทำ แต่ควรเริ่มต้นจากหุ้นเล็กๆที่มีพื้นฐานดีก่อน และในบทความหน้าผู้เขียนจะมาเล่าถึงการเลือกหุ้นอย่างละเอียดและหุ้นไหนเด่นสำหรับมือใหม่ ขอแถมไว้ปิดท้ายว่า การลงทุนในหุ้นมีอยู่ 2 ประเภท คือ ลงทุนแบบตีหัวเข้าบ้าน ซื้อพอได้กำไรขาย เรียกว่าหุ้นระยะสั้น หรือ ลงทุนแบบระยะยาวในหุ้นที่มีปันผล โดยหุ้นนั้นต้องมีราคาตลาดที่ตํ่ากว่ามูลค่าที่แท้จริงและขายเมื่อราคา