ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น คือ ขึ้นมากกว่าปลายปี 2558 ต่อเนื่องกับต้นปี 2559 ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะมีคำถามมาคล้ายๆ กันอีกว่าช่วงนี้ขายหุ้นได้หรือยัง ขายหุ้นช่วงนี้จะถือว่าดีหรือเปล่า จะเรียกว่าขายหมูหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีใครจะตอบคำถามต่างๆ นี้ได้ดีกว่าตัวเรา เพราะเราจะซื้อหรือจะขายมันก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนส่วนตัวของเราเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจกับราคาของหุ้นในระดับนี้หรือยัง เพราะฉะนั้นเราจะมาช่วยกันหาคำตอบว่าจะขายหุ้นช่วงไหนถึงจะถือว่าดีและน่าพอใจกัน
อ่านเพิ่มเติม : เจอเศรษฐกิจแย่ๆแบบนี้ระหว่างเล่นหุ้น ควรรับมืออย่างไรดี
ปัจจัยแรกที่จะทำให้เราขายหุ้น
ก็คือ เมื่อเราเริ่มได้ข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเชื่อแต่ข่าวลือ ข่าวที่แบบเค้าว่าบริษัทนี้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เพราะบางครั้งบริษัทใหญ่ที่มั่นคงต่อให้มีข่าวร้ายกับบริษัทมายังไง ราคาหุ้นก็ยังลดลงไม่มาก นั่นก็เพราะว่าธนาคารมีการบริหารงานที่มั่นคง ผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่รายย่อยก็ยังให้ความเชื่อมั่นในการบริหารงานจึงไม่มีการเทขาย จนทำให้ราคาตกลงจนน่าตกใจ ดังนั้นเมื่อเราได้รับข่าวสารที่ไม่ดีเกี่ยวกับหุ้นที่เราถือ สิ่งที่เราต้องทำคือ กลับศึกษาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของหุ้นให้ล้วงลึกกันไปเลย ไปหาข้อมูลจากบริษัทเลยว่านโยบายของบริษัทเป็นยังไงบ้าง มีการแก้ไขปัญหายังไงบ้าง ผู้บริหารสามารถจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีมากน้อยแค่ไหน ถ้าเราประเมินดูแล้วเห็นว่าบริษัทน่าจะไปไม่รอดแน่นอน ก็ขายหุ้นเลยดีกว่า อาจจะได้กำไรไม่มาก หรือขาดทุนเพียงนิดหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าติดดอยจนลงไม่ได้กันเลยทีเดียว
ต่อมาก็เป็นเรื่องของราคาหุ้น
หากเราเริ่มสังเกตเห็นว่าหุ้นที่เราถืออยู่มีราคาขึ้นไปเร็วมากแบบผิดสังเกต ให้บอกกับตัวเองไว้เลยว่า หุ้นแบบนี้ถ้าราคาขึ้นไปเร็วอย่างนี้ ก็ต้องลงเร็วจนเจ็บตัวได้ ซึ่งข้อนี้เราจะตัดสินใจได้ เราต้องมีนโยบายและวินัยในการลงทุนที่ดีพอสมควร คือ มีการตั้งเป้าหมายไว้แน่นอนว่าถ้าหุ้นที่ถืออยู่ตั้งใจว่าจะถือแบบระยะสั้น เพื่อทำกำไรจากราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลง และได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องผลตอบแทนจากการขายหุ้นประมาณ 10% เราก็พอใจแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปถึง 10% ตามที่ต้องการแล้วเราก็ควรที่ขายออกมา และต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าโลภ อย่าเสียดายหากราคาหุ้นจะไปสูงกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เพราะบางครั้งก็อาจจะไม่ได้โชคดีเสมอไป แบบวันนี้ขึ้นสูงสุดแล้ว วันรุ่งขึ้นตกแบบกระแทกพื้นกันเลยก็มี ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นได้กำไรตามที่ต้องการแล้วก็ขายออกซะ แล้วรอจังหวะในการซื้อคืนใหม่อีกครั้งถ้าเห็นว่าหุ้นเดิมยังน่าสนใจอยู่
เมื่อราคาหุ้นขึ้นก็ต้องมีราคาลงได้เหมือนกัน ปัจจัยต่อมาที่จะทำให้เราขายหุ้นออกจากพอร์ต ก็จะเป็นเรื่องของเป้าหมายและนโยบายการลงทุนของเราอีกเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องของราคาหุ้นที่ขึ้น แต่มาตอนนี้จะเป็นเรื่องของหุ้นที่มีราคาลดลง ซึ่งเราก็ต้องมีนโยบายการลงทุนส่วนตัวของเราเหมือนกัน ว่าเราสามารถรับผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจากราคาหุ้นได้เท่าไร หรือที่เราจะได้ยินกันว่า Stop Loss ซึ่งก็คือ เมื่อราคาหุ้นลดลงจนถึงระดับที่เราคิดว่าจะรับได้ เราก็ต้องขายออก อย่าไปเสียดาย อย่าไปคิดว่าเดียวราคามันก็ขึ้น เพราะบางทีราคาก็ไม่ได้ขึ้นอย่างที่เราต้องการ และถ้าเราไม่ขายออกซะเราก็จะยิ่งขาดทุน ขาดทุนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นถ้ากำหนดนโยบายการลงทุนของตัวเองเป็นแบบไหนแล้วก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่าจะขายหุ้นออกเมื่อไรนั้น คำตอบ คือ นโยบายการลงทุนของเราเป็นแบบไหน มีเป้าหมายของกำไรเป็นเท่าไร กำหนดจุดขาดทุนไว้ที่เท่าไร จากนั้นก็ไปดูปัจจัยพื้นฐานของหุ้นอีกครั้งศึกษาให้ละเอียด และต้องจำให้ขึ้นใจว่าเล่นหุ้นห้ามโลภ ถ้าถึงจุดขายที่ตัวเองตั้งไว้ก็ต้องขาย ถ้าถึงจุดขาดทุนที่รับไหวก็ต้องขาย มีคำตอบเท่านี้เอง