เมื่อลูกน้อยอยู่ในวัยกำลังเติบโต ช่วงที่เขาเริ่มคอแข็ง ประมาณ 3-4 เดือน และเริ่มคว่ำและนั่งได้ในวัยประมาณ 5-6 เดือน จะเป็นวัยที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มอยากหากิจกรรมให้กับลูก ๆ ได้เสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านการฝึกคลาน เพื่อเพิ่มกำลังขา หรือกำลังแขน เมื่อถึงวัยดังกล่าวคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องจัดเตรียมพื้นที่ภายในบ้านเพื่อให้ลูกฝึกคลาน หรือ เกาะเดิน อุปกรณ์ต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือ ตามงานแฟร์แม่และเด็ก เช่น งาน Baby Best Buy (BBB) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หรือ งาน Amarin Baby & Kids ที่ ไบเทคบางนา ที่จะจัดเป็นประจำทุก ๆ 3 – 4 เดือน เป็นต้น ราคาอุปกรณ์เบื้องต้น โดยประมาณที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมไว้ มีดังนี้
- คอกพร้อมเบาะรองคลาน ยี่ห้อที่มีมาตรฐานปลอดสารพิษ: คอกนี้สามารถออกแบบได้ตามพื้นที่ของแต่ละบ้าน ความสูงของคอกประมาณ 60 เซ็นติเมตร ความยาว อาจจะประมาณ 2 เมตรครึ่ง หรือแล้วแต่ ดีไซน์ งบประมาณขั้นต่ำสำหรับตัวนี้คือ 18,000 บาท
- แผ่นรอง ซิลิโคน ยี่ห้อที่มีมาตรฐานปลอดสารพิษ: ความหนาประมาณ ครึ่งเซ็นติเมตร ส่วนใหญ่ความยาวมีหลายขนาด กว้าง x ยาว อาจจะประมาณ 160 x 200 เซ็นติเมตร นอกจากนี้ยังมีลายการ์ตูน เสริมพัฒนาการด้านการนับเลข ท่อง A-Z หรือ คำศัพย์เรียกสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น งบประมาณขั้นต่ำสำหรับตัวนี้ ประมาณ 3,200 บาท ในยี่ห้อที่เคลมคุณภาพ ไม่ลอก ไม่ล่อน มีความนุ่ม และมาจากประเทศเกาหลี ส่วนยี่ห้อในไทยอาจจะมีคุณภาพน้อยกว่านิดนึง ราคาประมาณ 1,000 บาท
- คอกกั้นพลาสติก มี 4 ด้านอย่างต่ำ และ 1 ด้านจะสามารถเล่นของเล่นได้ (เช่น ลูกบอลหมุน มีโทรศัพท์ให้เด็ก ๆ มีสติ๊กเกอร์กระจกเงา ยี่ห้อมาตรฐานปลอดสารพิษ ขนาดเล็กที่สุดประมาณ 170 X 170 เซ็นติเมตร งบประมาณขั้นต่ำประมาณ 3,500 – 4,500 บาท
- เบาะรองพับได้ 4 ตอน ซื้อได้ตามร้านของตกแต่งบ้านชื่อดัง ขนาดประมาณ 60 X 160 เซ็นติเมตร สามารถให้เด็กม้วนหน้าม้วนหลัง หรือนอนเล่นได้ ราคาประมาณ 1,300 บาท
- ที่นั่งเด็ก Around We Go ที่เด็ก ๆ สามารถนั่งและเดินหมุนรอบอุปกรณ์ของเล่นได้ ราคาประมาณ 5,000 บาท
งบประมาณการตกแต่งบ้านเพื่อให้ลูกน้อยได้ออกกำลังภายในบ้าน ผู้เขียนมีความเห็นว่าขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของแต่ละคน อย่างต่ำอาจจะต้องเตรียมเงินไว้ 20,000 – 30,000 บาท คุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ต้องซื้อครบทุกชิ้น แต่ขอให้เลือกตามความปลอดภัยเป็นหลัก เลือกแบบพอเพียงตามกำลังทรัพย์ของแต่ละบ้าน เพราะอย่าลืมว่ามีค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่กำลังจะตามมา บริเวณที่ให้เด็ก ๆ เล่นควรเตรียมของเล่นไว้ซัก 4 -5 อย่าง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เล่น เพราะเด็ก ๆ เบื่อง่าย ภายในบริเวณคอกถ้าขังเขาไว้สามารถทำได้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะ เด็ก ๆ ไม่ชอบอยู่คนเดียว เขาอยากเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ ของเล่นเสริมพัฒนาการ อาจจะเป็นลูกบอลสี ๆ หนังสือภาพน่ารัก รูปทรงสีต่าง ๆ รถไม้เล็ก ๆ เป็นต้น
ถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนมีกำลังทรัพย์สูง ก็สามารถพาลูกออกไปเรียนเข้ากลุ่มกับเพื่อน ๆ นอกบ้าน ที่เป็นที่นิยมกันมาก เช่น Gym สำหรับเด็ก ๆ สถานที่ดังกล่าวมีความพร้อมด้านสถานที่ สามารถให้เด็กได้วิ่ง ปีนป่าย บนเบาะนุ่ม ๆ โดยอนุญาติให้คุณพ่อกับคุณแม่เข้าไปเล่นด้วย อาจจะมีกิจกรรมเข้าจังหวะ เปิดเพลง ร้องเพลงทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เดินทรงตัว โหนบาร์เพื่อให้ร่างกายยืดตัว เหตุผลที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกที่จะพาลูกออกไปข้างนอกเพราะอยากให้ลูกมีสังคม ไม่กลัวคน โดยส่วนใหญ่ราคาจะเป็นคอร์ส และมีค่าแรกเข้า หรือ บางที่อาจจะต้องมีค่าเข้าเพิ่มเติมในแต่ละครั้ง ราคาเริ่มต้นอาจจะแพงหรือถูกขึ้นอยู่กับระยะเวลาความยาวของการเข้าคอร์ส
- สถานที่แรกที่แนะนำเบื้องต้นอาจจะต้องเตรียมงบประมาณขั้นต่ำหลัก 10,000 บาท สำหรับค่าสมัคร และ ค่าแรกเข้าสำหรับนักเรียนทุกคนประมาณ 5,000 บาท นอกจากนี้แต่ละครั้งที่เข้าจะต้องเสียเพิ่มอีกประมาณ 500 บาท
- สถานที่ที่สองอาจจะต้องราคาสูงซักหน่อย สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีกำลังทรัพย์สูง โดย ต้องเตรียมงบประมาณขั้นต่ำที่ 45,000 บาท แตสามารถเล่นได้สูงสุด 66 ครั้ง และมีค่าแรกเข้าสำหรับนักเรียนทุกคนอยู่ที่ 4,800 บาท ซึ่งสามารถเข้าเรียนได้ทุกโปรแกรม
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกให้ลูกได้ออกกำลังตามความเหมาะสมของกำลังทรัพย์ของแต่ละบ้าน ที่สำคัญที่สุดคือการให้เวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะได้เล่นกับลูก ไม่ว่าที่บ้านหรือที่สถานที่ออกกำลังสำหรับเด็กนอกบ้าน พวกเขาต้องการเวลาจากพวกคุณสิ่งนี้จะทำให้พัฒนาการของลูกดีเยี่ยมมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด การกอด การหอม การสัมผัสพวกเขา ทำให้คุณได้ใกล้ชิดและสร้างความสุขภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ความสะอาดเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญ ของเล่นและสถานที่ที่บ้านควรทำความสะอาดด้วยผ้าเช็ดน้ำยาทำความสะอาดสำหรับเด็กและเช็ดด้วยน้ำสะอาดอีกรอง ส่วนกรณีที่ออกไปเล่นที่สถานที่ออกกำลังสำหรับเด็กนอกบ้าน เราต้องล้างมือลูกทุกครั้ง หรือมีเทคนิคเล็ก ๆ อาจจะแอบถามสถานที่ดังกล่าวว่าวันไหนที่เป็นวัน Big Cleaning Day ของเขาที่ทำเป็นประจำทุกอาทิตย์ เราก็จะไปเรียนในวันถัดไปเพื่อความสะอาดและความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่
ผู้เขียน: