หนึ่งในสิ่งที่สำคัญของการลงทุนในหุ้นคือ การขาดทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พออ่านประโยคนี้ผู้อ่านถึงกับ งง ว่าผู้เขียนต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่ เพราะการที่เราเข้ามาเล่นหุ้นก็ล้วนแล้วแต่ต้องการผลกำไรไม่ใช่เหรอ? คำตอบคือใช่ แต่ถ้าถามว่านักลงทุนทุกคนในตลาดหุ้นได้กำไรกันทุกคนเลยหรือเปล่า? คำตอบคือไม่ใช่ เพราะตลาดหุ้นนั้นเป็นสถานที่ที่มีคนที่ขาดทุนมากกว่าคนที่ได้กำไรหลายเท่า เพราะฉะนั้นการที่จะยืนหยัดอยู่ในตลาดหุ้นได้เป็นระยะเวลานาน นักลงทุนจะต้องขาดทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้และต้องได้กำไรให้มากเข้าไว้ พอในระยะกลางถึงยาวนักลงทุนถึงจะสามารถอยู่ในตลาดหุ้นได้อย่างสบาย โดยการที่เราจะขาดทุนหุ้นให้น้อยนั้นมีหลักคิดที่ช่วยเตือนสติดังนี้
-
ให้คิดเรื่องการขาดทุนมาก่อนการได้กำไร
สิ่งที่ตลกในโลกของการลงทุนคือการโมงโลกในแง่ร้ายกลับส่งผลทำให้เราได้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีกว่าการมองโลกในแง่ดี ซึ่งจะดูขัดๆกับความเป็นจริงในการใช้ชีวิตประจำวันเพราะเราต่างถูกหล่อหลอมจากสังคมและครอบครัวมาให้มองโลกในแง่ดี คิดเชิงบวก คิดดี ทำดี แต่ในตลาดหุ้นนั้นกลับตรงกันข้ามเพราะการคิดบวกนั้นจะทำให้เราไม่ค่อยยอมขายหุ้นเมื่อขาดทุนเพราะมองโลกในแง่ดีว่าเดี๋ยววันนึงราคามันก็ต้องกลับขึ้นเป็นกำไรหรือเท่าทุน แต่ความเป็นจริงแล้วไม่เสมอไปและส่วนใหญ่หุ้นทีเราขาดทุนโดยเฉพาะหุ้นปั่นนั้นจะใช้เวลานานแสนนานกว่าราคาจะกลับไปยังจุดเดิม หรือแม้กระทั่งไม่กลับไปอีกเลยราคาติดดอยหนาวเน็บ ดังนั้นในตลาดหุ้นนักลงทุนควรคิดในแง่ลบก่อน ทุกครั้งที่ซื้อหุ้นให้คิดเรื่องการขาดทุนก่อนเพราะถ้าเราคิดเรื่องขาดทุนก่อน เราจะมีสติรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงเช่น ราคาหุ้นนี่เราซื้อไว้ลงหนักๆ เราก็จะไม่ Panic มากจนเกินไป อีกทั้งการคิดเรื่องขาดทุนก่อนจะส่งผลทำให้เรามีการกำหนดจุด Stop loss หรือจุดหยุดขาดทุนไว้ก่อน ซึ่งปัจจุบันโปรแกรมเทรดหุ้นสามารถตั้ง Stop loss auto ได้อย่างสบายเลยครับ
-
เรื่องการ Stop Loss
จุด Stop loss หรือจุดหยุดขาดทุนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมากที่นักลงทุนทุกคนต้องมีการเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อนการซื้อหุ้นทุกครั้ง บางท่านอาจสงสัยว่ามันจะช่วยเราได้อย่างไร ให้คิดภาพในยามที่หุ้นลงหนักๆ ตัวนักลงทุนเองเมื่อทราบว่าราคาหุ้นลงหนัก อย่างแรกคือมักจะตั้งคำถามกับมันว่าทำไมราคามันถึงลง อาจจะเช็คข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ซึ่งถามว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องไหม ตอบว่าไม่ผิด แต่ท่านอย่าลืมว่าในระหว่างที่เราเสียเวลาเช็คข้อมูลข่าวสาร หรือแม้กระทั้งโทรถามเจ้าหน้ที่การตลาดที่ดูแลพอร์ตลงทุนของเรา ราคาหุ้นตัวนั้นๆอาจลงต่อไปเรื่อยๆจนขายออกไม่ทัน ซึ่งถ้าเราได้กำหนดจุด Stop loss หรือจุดหยุดขาดทุนไว้ก่อนล่วงหน้าเพื่อล๊อคการขาดทุนไม่ให้มากจนเกินไป เราก็จะเสียหายไม่มากครับ
-
“ลด ละ เลิก” พฤติกรรมการซื้อเฉลี่ย
นักลงทุนหลายท่านในตลาดหุ้นมักชอบคิดว่าการซื้อเฉลี่ยภายหลังจากที่เราติดหุ้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้ต้นทุนราคาของหุ้นที่เราถืออยู่ลดต่ำลง และโอกาสที่ขาดทุนจะกลับมาเป็นกำไรอาจจะเกิดขึ้นได้ รวมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และเจ้าหน้าที่การตลาดมักจะชอบแนะนำให้ลูกค้าที่ติดหุ้นอยู่ทำการซื้อเฉลี่ยเพื่อถัวราคา แต่ความเป็นจริงแล้วการซื้อเฉลี่ยไม่ได้ทำได้ในทุกกรณี โดยเฉพาะการซื้อเฉลี่ยในหุ้นเก็งกำไรที่เป็นขาลง หรือพูดง่ายๆว่าดันเข้าไปซื้อเฉลี่ยในหุ้นปั่นขาลงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหุ้นปั่นมีโอกาสสูงมากที่จะเลิกเล่นไปเลย หรือถ้าจะรอปั่นใหม่อาจต้องรออีก 3-5 ปีกว่าจะมาเล่นกันใหม่ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการซื้อเฉลี่ยในหุ้นปั่นเพราะเท่ากับว่าเป็นการเอาเงินไปจมไว้และอาจไม่ได้เงินกลับมาก็เป็นได้ครับ
เดินทางสายกลาง ลดโลภ(กำไร ขาดทุน ไม่ใช้ของเรา)
เซียนลงทุนท่านหนึ่งในตลาดหุ้นวอลสตรีทกล่าวไว้เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนว่า ความโลภคือหายนะของนักลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งเวลาผ่านมา 20 ปี คำพูดนี้ก็ยังเป็นอมตะอยู่ เพราะความโลภคือบ่อเกิดของความอยากได้อยากมี ซึ่งธรรมดาตามธรรมชาติของมนุษย์นั้นย่อมมีความอยากเป็นธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่าจะอยากมากหรือน้อยโดยเฉพาะการอยากได้เงินทองและทรัพย์สินมาสะสมให้มากเข้าไว้ เพราะเชื่อว่าเงินสามารถบันดาลทุกอย่างในชีวิตได้ โดยเฉพาะในระบบทุนนิยม ซึ่งส่งเสริมให้คนอยากได้อยากมีมากขึ้น โดยตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในเครื่องจักรทำเงินของกลุ่มคนที่มีความสามารถในการใช้เครื่องจักรชนิดนี้หาเงิน แต่ความโลภมากอาจเป็นบ่อเกิดของหายนะได้ เพราะความโลภจะทำให้นักลงทุนขาดสติในการคิดพิจารณาไตร่ตรองสิ่งต่างๆรอบตัว โดยเฉพาะการคิดแบบตกผลึกเพราะตลาดหุ้นเป็นอะไรที่รวดเร็ว การที่เราต้องมานั่งคิดพิจารณาอะไรนานๆอาจไม่ทันการณ์ แล้วยิ่งบวกความโลภของมนุษย์เข้าไปด้วยแล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าในยามที่ตลาดหุ้นขาลงมักจะมีนักลงทุนที่ติดดอยเจ๊งหุ้นแบบมากๆให้เห็นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการเจ๊งหุ้นที่สามารถกระตุกต่อมความโลภได้เยอะคือหุ้นปั่น ยามตลาดหุ้นขาลงจะมีผู้คนขาดทุนจากหุ้นปั่นเป็นจำนวนมากๆถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์อาจมากถึง 50-70% ต่อตัวเลยทีเดียว ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากความโลภอยากได้อยากมี อยากได้กำไรทีละมากๆทั้งสิ้น โดยหนทางที่เราจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องความโลภในตลาดหุ้นได้ดีนั้นก็คือ เดินทางสายกลางและให้คิดเสมอว่ากำไร-ขาดทุนนั้นไม่ใช่ของเรา มีคนขาดทุนก็ต้องมีคนกำไร ถ้ามีคนกำไร อีกคนต้องขาดทุนครับ
ผู้เขียน:
อาจารย์ ธัญญพัฒน์ ธัญญศิริ
Facebook Fan page: @AjBraveTanjasiri