กลับมาอีกครั้งสำหรับมือใหม่เข้าตลาดหุ้น มือใหม่เข้าตลาดหุ้น 5 (วิเคราะห์หุ้น) เรื่องราวของมือใหม่ที่สนใจจะเดินเข้าสู่วงการตลาดหุ้น ในบทความก่อนหน้าทั้ง 4 บทความ ได้พูดถึงขั้นตอนการเข้าสู่การตลาดหุ้น ว่าต้องมีเทคนิคและหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง รวมถึงที่ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ในซีรีย์ที่ 4 ถึงการเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินทุน 5,000 บาท ซึ่งจะกล่าวถึงผลรับที่เกิดขึ้น และเทคนิคที่เพิ่งได้เรียนรู้ถึงการวิเคราะห์หุ้นเบื้องต้นว่ามีเทคนิคและกลยุทธ์อย่างไรบ้าง
ซึ่งเทคนิคที่ได้เรียนรู้มานั้น เป็นเทคนิคที่ได้รับการอนุเคราะห์จาก บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
จากครั้งล่าสุดที่ผู้เขียนได้เริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 5,000 บาท ผู้เขียนจึงเลือกที่จะทดสอบตลาดด้วยการเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงตํ่าและมีพื้นฐานที่ดี โดยหลักเกณฑ์ในการเลือกนั้นจะต้องเลือกจากสภาวะของตลาดในช่วงระยะเวลานั้นๆว่าปัจจัยใดที่จะส่งผลให้หุ้นมีโอกาสทำราคา แม้ว่าในช่วงเวลานั้นๆตลาดหุ้นจะอยู่ในช่วงขาลง
หากผู้อ่านติดตามตลาดในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา จะพบว่าตลาดหุ้น SET มีการติดลบในแต่ละวันต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยของภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการประกาศผลประกอบการของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จึงส่งผลให้แรงซื้อนั้นซบเซา มีการเทขายใน Volume ที่สูง จึงส่งผลให้ตลาดในช่วงต้นเดือนยืนอยู่ในแดนลบ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้เขียน เพราะอย่างที่ผู้เขียนเน้นยํ้าอยู่เสมอในเรื่องของการลงทุน ที่ผู้เขียนจะเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานดี และมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รุนแรง ผู้เขียนจึงเลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะมีปัจจัยบวกในช่วงเวลานี้ ด้วยเรื่องของภาษีและอัตราดอกเบี้ย และหุ้นที่ผู้เขียนเลือก คือ SIR…. เป็นกลุ่มพัฒนาอสัหาริมทรัพย์ชื่อดัง โดยในวันที่ผู้เขียนเข้าซื้อราคาหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 2.06 บาท ราคาต่อหุ้นตํ่า แต่สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว เพราะอะไรถึงกล่าวเช่นนี้
เพราะผู้เขียนเลือกที่จะดูกราฟย้อนหลังของหุ้นตัวนี้ ย้อนหลัง 6 เดือน พบว่าราคาตํ่าสุดอยู่ที่ 1.90 บาท และสูงสุดอยู่ที่ 2.12 บาท ผู้เขียนจึงตัดสินใจว่ามีโอกาสที่จะทำราคาได้อีก จึงเลือกเข้าซื้อในราคาที่ 2.06 บาท จำนวน 1,000 หุ้น เท่ากับ 2060 บาท บวกค่าธรรมเนียมอีก
ในช่วงเช้าเข้าซื้อ นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ แต่การนั่งรอดูตลอดเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งจะกล่าวว่าทำไมถึงผิดในส่วนต่อไป พอมาถึงในช่วงบ่ายราคาสูงขึ้นที่ 2.08 บาท ผู้เขียนตัดสินใจที่จะขายแต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้ เพราะเชื่อว่าน่าจะไปได้มากกว่านี้ จึงรอไว้ ประกอบกับตลาดในช่วงสัปดาห์ก่อนมีความผันผวนอย่างแรง จึงไม่ทำการขาย จนมาถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ราคาหุ้นดีดขึ้นมาที่ 2.10 บาท ผู้เขียนตัดสินใจขายเพื่อทำกำไรทันที ผลปรากฎว่าผู้เขียนสามารถทำกำไรได้ถึง 60 บาท ไม่มากแต่เป็นการเริ่มต้นทดสอบตลาด
อาจจะดูว่าแค่ 60 บาท ทำไมต้องมาเสียเวลาเล่า ที่อยากจะเล่าถึงประสบการณ์ครั้งแรกเพื่อนำไปสู่ถึงกลยุทธ์ใดที่ผู้เขียนใช้ กลยุทธ์ที่ว่าคือ เทคนิคการวิเคราะห์หุ้น โดยหลักการวิเคราะห์หุ้นนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 เทคนิคเบื้องต้น
หากมีภาพสีเหลี่ยม 2 อัน อันหนึ่งวางอยู่ในแนวตั้ง กับอีกอันหนึ่งวางอยู่ในแนวนอน ผู้อ่านอาจจะมองว่ารูปทั้ง 2 นั้นมีขนาดที่ไม่เท่ากัน แต่ในความเป็นจริงนั้นมีขนาดที่เท่ากัน เพราะอะไร?? เพราะว่าสายตาของเรานั้นจะหลอกว่าไม่เท่ากัน เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้น หากเรานั่งดูกราฟจะพบว่ากระดานกราฟนั้นจะหลอกสายตาของเรา และสายตาของเราจะถูกสร้างให้เกิดความกังวลและกลัวในตลาด แต่ผู้อ่านไม่ต้องกลัว เพราะเรามีเทคนิค 2 เครื่องมือมาบอก คือ
-
การกลับตัว (Reversal Patterns)
เป็นเทคนิคในการดูตลาดและความเคลื่อนไหวในช่วงเวลานั้นๆด้วยกราฟ โดยเฉพาะราคา เพื่อหาจังหวะที่จะกลับตัว โดยราคาจะมีการกลับตัวเมื่อมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจัยจะเป็นปัจจัยในด้านลบ เมื่อมีสัญญาณเข้ามา ราคาจะมีการปรับลดลง เมื่อปรับลดหรือกลับตัวลง นักลงทุนจะอาศัยจังหวะนี้เพื่อทำการขายทิ้งหรือ Cut Loss หรือรอให้ราคากลับตัวขึ้นกลับมาอีกครั้ง แล้วค่อยขาย โดยการรอสัญญาณบวก เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ต้องใช้เวลาในการเฝ้าตลาด อาจจะไม่เหมาะสำหรับพนักงานประจำที่ต้องทำงาน ไม่มีเวลามานั่งดูราคาหุ้น
-
รูปแบบต่อเนื่อง (Continuous Patterns)
เป็นเทคนนิคในการศึกษาราคาตลาดที่ต่อเนื่อง หากราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลานั้น หรือเรียกว่านิ่งๆ นักลงทุนจะต้องสังเกตุตลาดต่อไป จะไม่ทำการขายหรือซื้อเพิ่ม ซึ่งทางเทคนิคกล่าวว่า ราคาหุ้นอยู่ในแดนแคบๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
จากเทคนิคทั้ง 2 ตัวที่กล่าวมาแบบสังเขปนั้น เป็นเทคนิคที่ผู้เขียนได้นำไปใช้สำหรับเงินทุน 5,000 บาท แต่ถามว่าสำเร็จหรือยัง ผู้เขียนตอบเลยว่าสำเร็จแค่เริ่มต้น เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ผู้เขียนต้องศึกษา และนำมาบอกกล่าวให้ผู้อ่านได้เข้าใจ โดยในส่วนบทต่อไปผู้เขียนจะกล่าวถึงการอ่านกราฟจากเทคนิคทั้ง 2 ตัวที่ได้กล่าวไว้อย่างละเอียดและรวมถึงการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีผลกำไรที่มากขึ้น
การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องมีความเข้าใจและอย่าโลภ