ช่วงนี้ในหน้าข่าวกีฬาเชื่อว่าหลายคนคงกำลังมีความสุขจากมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง โอลิมปิคเกมส์ ที่คราวนี้ไปจัดกันที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล แถมคราวนี้นักกีฬาไทยเราก็ทำผลงานได้ดีไม่ใช่น้อยเลยทำเอาหลายคนยอมตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อเชียร์กันเลย ยังไงก็ช่วยกันติดตามต่อไปด้วย ส่วนตัวเชื่อว่าโอลิมปิคคราวนี้เราน่าจะทำได้ดีกว่าครั้งลอนดอนเกมส์แน่นอน แต่คนชาวบราซิลเจ้าภาพในครั้งนี้ที่ต้องบอกเลยว่า “หน้าชื่นอกตรม” เป็นแน่แท้เนื่องจากกำลังเจอมรสุมด้านเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรงเลย ทำให้การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ดูไม่สุดเท่าที่คิดไว้
จากก้าวหน้า กลายเป็นถดถอย
แต่เดิมนั้นบราซิลถือถูกจัดให้เป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ในชื่อกลุ่มว่า BRICK อันประกอบไปด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและ เกาหลีใต้ แต่ปรากฏว่าจากประเทศเศรษฐกิจพร้อมกับความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเข้มแข็งเป็นผู้นำและช่วยเหลือประเทศอื่นในภูมิภาค กลับกลายเป็นว่าบราซิลนั้นถดถอยทางด้านเศรษฐกิจไป อ้างอิงจากทางโออีซีดี(องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา) ที่คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจของบราซิลจะหดตัวเหลือเพียงแค่ 4.3%(จริงๆจะให้น้อยกว่านี้อีกด้วยซ้ำ) เนื่องจากตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้ง 3 ส่วนอย่างภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และ การบริการมีปัญหา แต่ว่าได้ตัวเลขของการส่งออกมาช่วยเอาไว้ (มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2558) นอกจากนั้นสาเหตุที่ทำให้บราซิลต้องเจอวิกฤตเศรษฐกิจยังมีอีกหลายปัจจัยอย่างเช่น
จัดงานใหญ่ แต่เงินไม่พอ
หากใครยังจำกันได้ ก่อนที่บราซิลจะรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคในครั้งนี้ บราซิลก็เพิ่งจะจัดมหกรรมฟุตบอลโลกปี 2014 ไปเมื่อไม่นานนี้เอง แน่นอนว่าการจัดงานระดับโลกอย่างนี้จะต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลเลย ในคราวฟุตบอลโลกนั้น ทางบราซิลเองก็ต้องนำเงินไปปรับปรุงสนามฟุตบอล ระบบขนส่งมวลชน และอีกมากมาย เพื่อรองรับการแข่งขัน ถัดมาอีกสองปี ก็มาจัดโอลิมปิค 2016 ซึ่งแน่นอนว่าพวกเค้าก็จะต้องลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย ไหนจะเรื่องของสนามที่คราวนี้ต้องทำมากกว่าเดิมอีก จึงไม่แปลกที่จะทำให้รัฐบาลบราซิลกระเป๋าฉีก เงินไม่พอใช้ในการพัฒนาประเทศ ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควรเพราะต้องเอาเงินไปเตรียมความพร้อมกันหมด
วืดเป้าทั้งในสนามและนอกสนาม
นอกจากจะทุ่มทุนสร้างโดยไม่ดูความพร้อมของตัวเองแล้ว สิ่งที่เป็นตลกร้ายมากเลยก็คือ บราซิลไม่สามารถเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 ในบ้านตัวเองได้อีกต่างหาก (แถมฟอร์มก็ยังร่วงไม่เป็นท่าต่อเนื่องมาจนถึง ฟุตบอลโอลิมปิคด้วย) ส่วนการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศนั้น ก็ทำได้แค่ช่วงระยะเวลาที่แข่งฟุตบอลโลกเท่านั้น พอหมดฟุตบอลโลกไปแล้วก็หมดเลยไม่มีการต่อยอดไปอีก เหมือนกับการเอาเงินที่มีทั้งหมดเทกระจาดออกไปในทีเดียวแล้วก็หายไป ส่วนผลงานของนักกีฬาบราซิลก็ยังไม่เปรี้ยงนัก (ตอนเขียนบทความเพิ่งเริ่ม) แต่ก็ได้มา 1 เหรียญทองแล้ว ต้องมาดูกันว่าผลงานในสนามจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าน่าจะได้มากกว่าโอลิมปิคครั้งที่แล้ว ที่ทำได้ที่ 3 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง อยู่นิดหน่อย แต่คิดว่าไม่คุ้มกับการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจัดแน่นอน
ปัญหาการเมืองสู่ปัญหาระดับชาติ
จากปัญหาตัวเลขจีดีพี ที่ตกลงอย่างรวดเร็วหลังปี 2007 ทำให้ผลกระทบด้านเศรษฐกิจส่งผลไปยังด้านการเมืองและประธานาธิบดีอย่าง นางดิลมา รุสเซฟฟ์ ก็ถูกแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วง โดยเธอโดนลงคะแนนเพื่อถอดถอนเพื่อไต่สวนการบริหารและการคอร์รัปชั่น แน่นอนว่าปัญหาด้านการเมืองครั้งนี้ส่งผลกระทบชิ่งต่อไปยังพี่น้องชาวบราซิลทุกคนที่ประสบกับภาวะเงินเฟ้อ คนตกงาน และอาชญากรล้นเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ และความปลอดภัยในชีวิตเป็นอย่างมากทีเดียว
คอร์รัปชั่น ปัญหาใหญ่ของบราซิล
หนึ่งในปัญหาสำคัญของบราซิล จากการจัดมหกรรมกีฬาสองอย่างติดๆกันนั่นก็คือปัญหาคอร์รัปชั่น จากการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการบูรณะสนามกีฬา การสร้างระบบคมนาคมขนส่ง การสร้างหมู่บ้านนักกีฬา และอื่นๆอีกมากมาย เหล่านี้ถือว่าเป็นช่องโหว่ให้นักการเมืองได้เบิกเงินค่าก่อสร้างอย่างพุงปลิ้น ทำให้ค่างบประมาณบานปลายออกไปมาก ยังไม่รวมการคอร์รัปชั่นในรูปแบบอื่นๆอีก ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วส่งผลให้รัฐบาลบราซิลตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ไปด้วย
ภาพลักษณ์แย่ ทำเอานักท่องเที่ยวขยาด
สิ่งหนึ่งที่เมืองที่หวังจะจัดกีฬาใหญ่ อีเวนต์ระดับโลกอย่างมหกรรมโอลิมปิคต้องการก็คือ การสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเพื่อเชื้อเชิญคนให้มาท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แน่นอนว่าประเทศบราซิลนั้นแต่เดิมก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง แต่พอเจอคลิปหนึ่งเกี่ยวกับการฉก ชิง วิ่งราว กระเป๋าและของมีค่านักท่องเที่ยวกลางถนนกลางวันแสกๆเข้าไป เล่นเอาภาพลักษณ์ที่อุตสาห์โปรโมตไปพังหมด ทำเอานักท่องเที่ยวขยาดไปตามกันถึงแม้ว่าจะมีการแก้เกี้ยวจากการสัมภาษณ์ของนักท่องเที่ยวที่ไปมาแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว
ไวรัสซิก้า ตัวสำคัญในการฉุดเศรษฐกิจ
นอกจากภาพลักษณ์ดังกล่าวแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โอลิมปิคไม่เปรี้ยงเลยก็คือ เรื่องการระบาดของไวรัสซิก้า ที่ถือว่ามาแรงมาก ทำให้นักกีฬา ทีมงานที่เข้าแข่งขันโอลิมปิคนั่น ต่างหวั่นเกรงไปตามๆกัน อย่างเช่น ทีมนักบาสชายของสหรัฐอเมริกา ใช้การเหมาเรือสำราญแทนการไปอยู่หมู่บ้านนักกีฬาเลยทีเดียว ต้องมาลุ้นกันว่ารัฐบาลที่กำลังง่อนแง่นอยู่นี้จะรวมกำลังกันจัดการปัญหาอย่างไร เพื่อให้โอลิมปิคที่ริโอครั้งนี้ “ไม่ล้มเหลว” ทั้งในด้านภาพลักษณ์นอกสนามและผลงานในสนาม
แหล่งอ้างอิงข้อมูล